5 กิจกรรมสัมผัสประสบการณ์ทำหัตถกรรมพื้นบ้านและอาหารแบบดั้งเดิมจากช่างฝีมือในจังหวัดอิบารากิ

ประวัติศาสตร์

อาหาร

กิจกรรม

5 กิจกรรมสัมผัสประสบการณ์ทำหัตถกรรมพื้นบ้านและอาหารแบบดั้งเดิมจากช่างฝีมือในจังหวัดอิบารากิ

จังหวัดอิบารากิมีงานหัตถกรรมพื้นบ้านมากมาย เช่น โคมไฟซุยฟุ คาซามะยากิ และกระดาษนิชิโนะอุจิ รวมทั้งมีผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นมากมาย มีสตูดิโอหลายแห่งจัดชั้นเรียนสัมผัสประสบการณ์เหล่านี้ บทความนี้ขอแนะนำ 5 สตูดิโอที่สามารถสนุกไปกับการเรียนรู้ต่างๆ

ค้นพบประสบการณ์ใหม่ๆ จากการสัมผัสงานหัตถกรรมพื้นบ้านและอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมในจังหวัดอิบารากิ

Picture courtesy of SEITO FUKUDA

จังหวัดอิบารากิ (Ibaraki) ในปัจจุบันเป็นพื้นที่ที่เจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่ต้นสมัยเอโดะ (ปี 1603 – 1868) เคยเป็นดินแดนที่ปกครองโดยหนึ่งในโทคุกาวะโกซังเกะ (3 ตระกูลไดเมียวอันดับสูงสุดในหมู่เครือญาติของตระกูลโชกุนโทคุกาวะ) ช่างผู้ชำนาญและช่างฝีมือยอดเยี่ยมต่างมารวมตัวกันในมิโตะซึ่งเป็นพื้นที่ศูนย์กลาง แล้วพัฒนาศิลปะและงานฝีมือขึ้น ด้วยเหตุนี้ อิบารากิจึงได้รับการหล่อเลี้ยงให้มีวัฒนธรรมที่หลากหลายเป็นเอกลักษณ์

งานหัตถกรรมที่มีต้นกำเนิดในสมัยเอโดะได้รับการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นจนถึงปัจจุบัน และยังมีสตูดิโอเก่าแก่ซึ่งมีประวัติยาวนานกว่า 2 ศตวรรษ งานหัตถกรรมต่างๆ เช่น คาซามะยากิ (เครื่องปั้นดินเผาคาซามะ) กระดาษนิชิโนะอุจิ และโคมไฟพับของซูซูกิโมเฮโชเท็น ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของผู้คนในปัจจุบัน และเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนมากมาย นอกจากนี้ อิบารากิยังมีผลผลิตทางการเกษตรและทางทะเลอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในพื้นที่อุตสาหกรรมผลิตอาหารชั้นนำของญี่ปุ่นมาตั้งแต่อดีต

บทความนี้ขอแนะนำ 5 กิจกรรมสัมผัสประสบการณ์งานหัตถกรรมพื้นบ้านและการทำอาหารแบบดั้งเดิม ที่ขึ้นชื่อในแต่ละท้องถิ่นของจังหวัดอิบารากิ สำหรับท่านที่ต้องการลองทำเครื่องปั้นดินเผาและโคมไฟ หรือลองทำอาหารแบบดั้งเดิม เช่น การทำยูบะและเส้นโซบะ ต้องมาที่จังหวัดอิบารากิแห่งนี้เลย

1. สัมผัสประสบการณ์ทำโคมไฟที่ซูซูกิโมเฮโชเท็น (SUZUKI MOHEI SHOTEN) ในเมืองมิโตะ

โคมไฟกระดาษในภาษาญี่ปุ่นออกเสียงว่า โจจิน ถือกำเนิดขึ้นในสมัยมุโรมาจิ (ปี 1333 – 1573) และยังคงมีอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันโคมไฟกระดาษต่างๆ ที่ทำโดยช่างฝีมือยังคงเป็นที่ต้องการของผู้คนมากมายในฐานะโคมไฟที่ให้แสงสว่างและเป็นของตกแต่ง

อิบารากิเป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งผลิตโคมไฟซุยฟุ (*1) ที่ทำจากกระดาษนิชิโนะอุจิซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่มีความแข็งแรง เทคนิคของช่างฝีมือนี้พัฒนาขึ้นอย่างจริงจังในช่วงปลายสมัยเอโดะ เมื่อซามูไรระดับล่างของแคว้นมิโตะเริ่มทำโคมเพื่อเลี้ยงชีพ ในเวลานั้นมีโรงผลิตหรือสตูดิโอในมิโตะ (Mito) ถึง 30 แห่งแต่ตอนนี้เหลือเพียง 3 แห่ง

* 1: ซุยฟุ…อีกชื่อหนึ่งของมิโตะ

SUZUKI MOHEI SHOTEN เป็นร้านจำหน่ายโคมไฟซุยฟุที่ก่อตั้งเมื่อปี 1865 นอกจากโคมไฟแบบดั้งเดิมสำหรับงานเทศกาลและกิจกรรมในท้องถิ่นแล้ว ยังผลิตโคมไฟในรูปทรงที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เช่น รูปทรงขวดไวน์ รูปทรงนก รูปทรงศีรษะผู้ชายและผู้หญิง รวมถึงผลิตภัณฑ์โคมไฟที่สว่างขึ้นเมื่อปรบมือ ซึ่งโคมไฟใหม่ๆ เหล่านี้ เหมาะสำหรับการตกแต่งบ้านสมัยใหม่เป็นอย่างยิ่ง

ที่สตูดิโอของ SUZUKI MOHEI SHOTEN ในมิโตะ มีการจัดกิจกรรมสัมผัสประสบการณ์การทำโคมไฟ ผู้เข้าร่วมสามารถเลือกกระดาษพิมพ์ลวดลายหลากสีสันหรือตราประจำตระกูลแบบดั้งเดิมที่สวยงามได้ตามชอบ

ช่างทำโคมไฟจะแนะนำแต่ละขั้นตอนให้ ขั้นแรกให้ผูกแม่แบบด้วยเชือก จากนั้นใช้กาวชนิดพิเศษทาบนเชือก แล้วพันกระดาษรอบๆ เชือกโดยระวังอย่าให้มีรอยยับ ในช่วงพักพนักงานจะนำโคมไปตากและนำแบบพิมพ์ข้างในออก ก็จะได้โคมไฟแบบพกพา พนักงานจะพับและใส่ถุงกระดาษพร้อมกับเทียนไขแบบใช้ถ่านไฟฉายสำหรับใส่ในตะเกียงไว้ให้

สิ่งที่น่าสนใจที่สุดของกิจกรรมนี้คือสามารถเข้าใจโครงสร้างที่เป็นเอกลักษณ์ของโคมไฟญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม โครงสร้างที่แข็งแรงแต่กลับมีน้ำหนักเบาและพกพาสะดวก การร่วมกิจกรรมจะทำให้อยากเรียนรู้เกี่ยวกับกระดาษญี่ปุ่นซึ่งเป็นวัสดุทำโคมไฟเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

เวลาในการทำกิจกรรมราว 30 นาที มีค่าใช้จ่ายคนละ 3,300 เยน ต้องจองล่วงหน้าเนื่องจากต้องเตรียมวัสดุและแบบพิมพ์ สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้สูงสุดพร้อมกัน 10 คน กิจกรรมจะจัดขึ้นเฉพาะในวันศุกร์ช่วงเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤษภาคม เวลา 10:00 – 15:00 น. เนื่องจากในช่วงที่เหลือสตูดิโอจะยุ่งอยู่กับการผลิตโคมไฟสำหรับงานเทศกาลและโอกาสอื่นๆ

ข้อมูล

ซูซูกิโมเฮโชเท็น

ซูซูกิโมเฮโชเท็น

ซูซูกิโมเฮโชเท็น หนึ่งในผู้ผลิตโคมไฟซุยฟุที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1865 โคมไฟซุยฟุ (ซุยฟุเป็นชื่อเดิมของเมืองมิโตะ) เป็นงานฝีมือพื้นบ้านดั้งเดิมของเมืองมิโตะ มีต้นกำเนิดจากเมื่อประมาณ 400 ปีก่อน เมื่อซามูไ…

ดูบทความเพิ่ม

2. สัมผัสประสบการณ์ทำซูกิเอะที่คามิโนะซาโตะ (Nishinouchi Paper Kami no Sato) ในเมืองฮิตาจิโอมิยะ

กระดาษที่ใช้ทำโคมไฟซุยฟุเดิมผลิตที่เมืองนิชิโนะอุจิ (Nishinouchi) ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณโอคุคุจิทางตอนเหนือของจังหวัดอิบารากิ ดินและสภาพภูมิอากาศที่มีความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างกลางวันและกลางคืนของที่นี่เหมาะสำหรับการเพาะปลูกต้นโคโซะ (ต้นปอสา) ซึ่งจำเป็นสำหรับการทำกระดาษ โดยเฉพาะเส้นใยที่ทำจากโคโซะในบริเวณนี้มีความบาง สั้น และแข็งแรง และนิยมใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับวาชิหรือกระดาษญี่ปุ่นซึ่งมีคุณภาพสูงเป็นพิเศษของญี่ปุ่น

ต้นกำเนิดของกระดาษนิชิโนะอุจิเริ่มต้นเมื่อ 350 ปีก่อน แคว้นมิโตะได้ผูกขาดการจำหน่ายกระดาษญี่ปุ่นซึ่งเป็นที่ต้องการสูงนี้ เนื่องจากกระดาษนิชิโนะอุจิมีความแข็งแรงเหมือนผ้าทอ จึงมีการนำไปใช้ในงานด้านต่าง ๆ เกี่ยวกับชีวิตประจำวัน เช่น โชจิ (ประตูเลื่อนที่ทำจากกระดาษ) โคมไฟกระดาษ ศิลปะการเขียนตัวอักษรด้วยพู่กัน การพิมพ์หนังสือ และการทำบัญชี เนื่องจากแม้กระดาษจะเปียกน้ำตัวอักษรก็ไม่ซึม ในสมัยเอโดะจึงนิยมนำไปใช้กับงานเอกสารที่ต้องการเก็บถาวร เมื่อเกิดไฟไหม้สมุดลงบัญชีที่ใช้กระดาษนี้จะถูกโยนลงไปทิ้งไว้ในบ่อน้ำจนกว่าไฟจะดับ

หากแวะไปที่ Kami no Sato ร้านจำหน่ายกระดาษนิชิโนะอุจิ จะเห็นสมุดลงบัญชีและเอกสารเก่าในสมัยเอโดะที่ใช้กระดาษญี่ปุ่นนี้ สตูดิโอแห่งนี้เป็นกิจการของครอบครัวที่ก่อตั้งเมื่อปี 1968 ผลิตและจำหน่ายกระดาษนิชิโนะอุจิประเภทต่างๆ นอกจากนี้ยังมีแกลเลอรีจัดแสดงเอกสารที่ทำจากกระดาษนิชิโนะอุจิ และจัดกิจกรรมให้ลองทำซูกิเอะ (การวาดภาพบนกระดาษญี่ปุ่น) ด้วย

ในการทำกิจกรรม ผู้สอนจะแสดงวิธีสร้างภาพศิลปะที่เรียบง่ายแต่ละเอียดมากๆ ให้ดูด้วยการวางเส้นใยกระดาษที่ละลายในน้ำสีต่างๆ บนกระดาษญี่ปุ่น มีสีสันหลากหลายน่าทึ่งมาก สามารถใช้แม่แบบเพื่อสร้างรูปร่างได้ น้ำที่มีเส้นใยกระดาษละลายอยู่จะค่อยๆ ถูกกรอง ทำให้แห้ง และทิ้งลวดลายไว้

เมื่อรู้ตัว ความคิดสร้างสรรค์จะได้รับการกระตุ้น และบังเกิดมุ่งมั่นกับการสร้างสรรค์ภาพวาดของตัวเองอย่างแน่นอน ขณะเดียวกันยังถือเป็นโอกาสพิเศษในการสังเกตเส้นใยกระดาษอย่างใกล้ชิดได้ด้วย

ไปสัมผัสประสบการณ์การทำกระดาษกัน (* จำกัดจำนวนผู้ที่ร่วมกิจกรรมทำกระดาษในเวลาเดียวกัน กรุณาติดต่อสอบถามที่ Kami no Sato ล่วงหน้า) การตกแต่งกระดาษให้เรียบและมีความหนาสม่ำเสมอต้องใช้ทักษะค่อนข้างมาก ดังนั้น ต้องดูการเคลื่อนไหวของผู้สอนอย่างตั้งใจกันนะ

ค่าร่วมกิจกรรมคนละ 1,300 เยน สามารถเข้าร่วมได้สูงสุดครั้งละ 20 คน เนื่องจากต้องทำซูกิเอะให้แห้งก่อน จึงไม่สามารถนำกลับบ้านได้ในทันที แต่ไม่กี่วันจากนั้นจะมีการจัดส่งให้ทางไปรษณีย์

ข้อมูล

Nishinouchi Paper Kami no Sato

Nishinouchi Paper Kami no Sato

ร้านจำหน่ายกระดาษญี่ปุ่น Nishinouchi Paper Kami no Sato ดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่ปี 1970 เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทำกระดาษนิชิโนะอุจิ ด้วยมือ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผูกขาดการจำหน่ายของแคว้นมิโตะ ซึ่งปกครองจังหวั…

ดูบทความเพิ่ม

3. สัมผัสประสบการณ์ทำเส้นโซบะที่สตูดิโอโซบะของร้านโซบะ นิชิคานาซะ (NISHIKANASA Soba Noodles) ในเมืองฮิตาจิโอตะ

เส้นโซบะ (เส้นที่ทำจากแป้งโซบะ) เป็นอาหารที่ชาวญี่ปุ่นคุ้นเคยกัน เส้นโซบะมีหลายประเภท แต่ฮิตาจิอากิโซบะ (Hitachi Aki Soba) ของขึ้นชื่อในจังหวัดอิบารากินั้นมีกลิ่นหอมและรสหวานเล็กน้อย เป็นที่ได้รับการยอมรับว่ามีคุณภาพสูง อิบารากิเป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งผลิตโซบะมาตั้งแต่สมัยเอโดะ แต่เมืองฮิตาจิโอตะ (Hitachiota) เป็นแหล่งผลิตโซบะที่มีหลากหลายชนิดในปัจจุบัน

สตูดิโอโซบะแห่งนี้เป็นร้านจำหน่ายฮิตาจิอากิโซบะ ซึ่งจัดกิจกรรมทำเส้นโซบะที่ใช้เวลาราว 40 นาที ผู้สอนจะแนะนำทุกขั้นตอนตั้งแต่การนวดแป้งโซบะ คลึงเป็นก้อนไปจนถึงการตัด หัวใจสำคัญของการทำเส้นโซบะให้มีกลิ่นหอมเข้มและเนื้อสัมผัสเนียน คือการควบคุมปริมาณน้ำในแป้งให้กระจายสม่ำเสมอในขณะที่คลึงแป้งโซบะให้เป็นก้อน

ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 3,630 เยน หนึ่งโต๊ะใช้แป้งโซบะสำหรับรับประทานได้ประมาณ 4 คน สามารถลวกเส้นโซบะแล้วรับประทานเลยหรือนำกลับบ้านก็ได้ เส้นโซบะไม่แช่เย็นจะอยู่ได้ 1 วัน ดังนั้นควรรับประทานหลังทำเสร็จจะเยี่ยมที่สุด หากเพิ่มอีก 200 เยน สามารถเพิ่มเทมปุระ (ผักหรือกุ้ง) ได้ สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้สูงสุดครั้งละ 4 คน ต้องโทรจองล่วงหน้าก่อนไปด้วยนะ

ข้อมูล

ร้านโซบะ นิชิคานาซะ(NISHIKANASA Soba Noodles)

ร้านโซบะ นิชิคานาซะ(NISHIKANASA Soba Noodles)

เส้นโซบะของร้านทำสดใหม่ทุกวัน ตั้งแต่นำเมล็ดโซบะพันธุ์ฮิตาจิอากิ (Hitachi Aki Soba) ที่ขึ้นชื่อเรื่องความหอมหวาน สุดยอดเมล็ดพันธุ์ท้องถิ่นของคิงซาโกะในอิบารากิมาบดโดยโม่หิน นวดแป้งด้วยมือ และต้มสดใหม…

ดูบทความเพิ่ม

4. สัมผัสประสบการณ์ทำยูบะที่ยูบะโนะซาโตะ (Okukuji YUBA NO SATO) ในเมืองไดโกะ

ยูบะคือฟองเต้าหู้ซึ่งอยู่ด้านบนของนมถั่วเหลืองที่อุ่นให้ร้อน เป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่ทำจากถั่วเหลืองเช่นเดียวกับเต้าหู้ มักใช้ในอาหารญี่ปุ่นต่างๆ มีความหวานตามธรรมชาติและเนื้อสัมผัสที่เนียนละเมียด เป็นส่วนประกอบอาหารได้หลากหลายรูปแบบสามารถทานได้ทั้งแบบดิบ ทอด ต้ม หรือเสิรฟ์เป็นเครื่องเคียงก็ได้

เมืองไดโกะ (Daigo) เริ่มทำยูบะเมื่อปี 1987 โดยเป็นหนึ่งในโครงการฟื้นฟูหมู่บ้าน YUBA NO SATO เป็นโรงงานที่ตั้งขึ้นเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆ จากนมถั่วเหลืองอย่างยูบะ ที่นี่ใช้ถั่วเหลืองที่เก็บเกี่ยวในบริเวณรอบเขาทสึคุบะ (Mt.Tsukuba) นอกจากผลิตภัณฑ์อาหารที่ทำจากยูบะและเต้าหู้แล้ว ยังมีการผลิตไอศกรีมนมถั่วเหลือง สามารถหาซื้อได้จากร้านจำหน่ายที่อยู่ติดกันหรือทางออนไลน์

ที่นี่ยังมีกิจกรรมสัมผัสประสบการณ์ทำยูบะ ในตอนเช้าเฉพาะช่วง 9:00 – 11:00 น. ครั้งละไม่เกิน 10 คน และต้องโทรจองล่วงหน้า

ภายในโรงงานมีการรักษาสุขอนามัยอย่างเคร่งครัด ผู้เข้าร่วมต้องสวมเสื้อคลุมสีขาว ถุงมือ หมวก และที่คลุมรองเท้า ข้างในโรงงานเป็นนมถั่วเหลืองต้มที่อุณหภูมิเกือบ 100 องศาเซลเซียส ดังนั้นระวังโดนลวกด้วย

เจ้าหน้าที่จะแสดงวิธีการแยกแผ่นยูบะบางในภาชนะด้วยมีดให้ชม จากนั้นผู้เข้าชมสามารถใช้อุปกรณ์พิเศษเพื่อยกยูบะขึ้นจากผิวของนมถั่วเหลืองที่อุ่นให้ร้อนได้ เนื่องจากมีความบางมากๆ ดังนั้น สิ่งสำคัญคือต้องจับอย่างเบามือ เมื่อวางยูบะบนที่วาง การทำยูบะก็เป็นอันเสร็จ

ค่าร่วมกิจกรรมคนละ 1,200 เยน ผู้เข้าร่วมสามารถนำยูบะกลับบ้านหรือรับประทานในร้านอาหารที่อยู่ติดกันได้ การรับประทานสดๆ คู่กับโชยุและวาซาบิอร่อยที่สุด

นอกจากนี้ ขอแนะนำให้รับประทานอาหารกลางวันที่โทเซ็น (Tosen) ร้านอาหารที่อยู่ติดกับโรงงาน ขอแนะนำเมนูรสชาติอร่อย Yuba no Satozen (2,000 เยน) ซึ่งประกอบด้วยซาชิมิ เท็มปุระ ไข่ตุ๋นญี่ปุ่น เสิร์ฟมาพร้อมกับข้าวต่างๆ จากยูบะ ที่จะช่วยกระตุ้นต่อมรับรสให้อร่อยกันเต็มอิ่มอย่างแน่นอน

ข้อมูล

Private: ร้านยูบะโนะซาโตะ

ร้านยูบะโนะซาโตะ

ยูบะ (Yuba) คือฟองเต้าหู้ที่อยู่ด้านบนของนมถั่วเหลืองต้ม มักใช้ใส่ในซุปน้ำใส หรือรับประทานสดโดยจิ่มกับโชยุ (ซอสถั่วเหลือง) สามารถลิ้มลองเมนูต่างๆ จากยูบะและซื้อเป็นของฝากได้ด้วย เมนูยอดฮิตของที่นี่ค…

ดูบทความเพิ่ม

5. สัมผัสประสบการณ์ทำเครื่องปั้นดินเผาที่เซโตฟุคุดะ (SEITO FUKUDA) ในเมืองคาซามะ

Picture courtesy of SEITO FUKUDA

เมืองคาซามะ (Kasama) เป็นที่รู้จักในฐานะเมืองแห่งเครื่องปั้นดินเผา ที่มีประวัติศาสตร์ในการทำเครื่องปั้นดินเผามานานกว่า 250 ปี ปัจจุบันมีสตูดิโอการทำเครื่องปั้นดินเผามากกว่า 300 แห่งที่เปิดดำเนินการอยู่ แต่ต้นกำเนิดของเครื่องปั้นดินเผาในท้องถิ่นนั้นต้องย้อนกลับไปนานกว่านั้นอีก ที่นี่มีเตาเผาในสมัยนารา (ปี 710 – 784) และสมัยเฮอัน (ปี 794 – 1185) เช่นเดียวกับมาชิโกะมาจิในจังหวัดโทจิกิซึ่งเป็นเมืองพี่เมืองน้องกันอยู่ ทั้งสองแห่งนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกชาติของญี่ปุ่น ในเมืองคาซามะมีร้านและแกลอรี่เครื่องปั้นดินเผาตั้งเรียงรายอยู่มากมาย และยังมีการจัดงานเทศกาลเครื่องปั้นดินเผาฮิมัตสึริ คาซามะ (Kasama Himatsuri Pottery Festival) มานานกว่า 40 ปี ซึ่งมีผู้คนมาเข้าชมมากมายด้วย

จุดเด่นของคาซามะยากิ (เครื่องปั้นดินเผาของเมืองคาซามะ) คือดินของที่นี่ ดินในเมืองคาซามะประกอบด้วยธาตุเหล็กและส่วนประกอบของหินแกรนิตที่เรียกว่าโพแทสเซียมเฟลด์สปาร์ ซึ่งส่วนประกอบอันหลังนี้ทำให้เครื่องปั้นดินเผามีสีแดงหลังการเผา

Picture courtesy of SEITO FUKUDA

SEITO FUKUDA ตั้งขึ้นเมื่อปี 1796 เป็นสตูดิโอที่เปิดสอนทำเครื่องปั้นดินเผา ซึ่งได้รับการยอมรับว่าผลิตเครื่องปั้นดินเผาคุณภาพสูง และมีเตาเผายาว 10 เมตรที่ใช้เทคนิคที่หายากในการผลิตเครื่องปั้นดินเผา

ที่นี่เปิดชั้นเรียนทำเครื่องปั้นดินเผา 3 คอร์สดังนี้

 

ประสบการณ์การขึ้นรูปด้วยมือ (คนละ 1,500 เยน)

Picture courtesy of SEITO FUKUDA

ผู้เข้าร่วมสามารถเลือกสร้างสรรค์ผลงานจากวิธีการได้ 3 แบบ ได้แก่ ถ้วยชามที่ปั้นด้วยมือเปล่า แจกันที่นำดินเหนียวมาปั้นเป็นเส้นแล้วม้วนซ้อนกัน หรือแก้วมัคที่นำดินเหนียวมาปั้นให้กลมแล้วกดลงในแนวราบ

ประสบการณ์การขึ้นรูปด้วยแป้นหมุนไฟฟ้า (คนละ 2,800 เยน)

Picture courtesy of SEITO FUKUDA

นี่เป็นโอกาสสำหรับผู้ที่ต้องการลองใช้แป้นหมุนไฟฟ้า ผู้สอนจะสอนวิธีใช้แป้นหมุนให้ สามารถทำเครื่องปั้นดินเผาที่ชื่นชอบได้ (จำนวนแป้นหมุนมีจำกัด ดังนั้นจึงสามารถเข้าร่วมได้ครั้งละไม่เกิน 6 คน)

ประสบการณ์การวาดภาพลงบนเครื่องปั้นดินเผา (คนละ 500 เยน)

Picture courtesy of SEITO FUKUDA

สามารถวาดภาพลงบนถ้วยชามหรือจานได้

มีพนักงานในสตูดิโอที่พูดภาษาอังกฤษได้ เนื่องจากต้องจะใช้เวลาราว 2 เดือนในการเผา งานจึงเสร็จสมบูรณ์ จะมีการจัดส่งงานที่เสร็จสมบูรณ์ไปที่บ้านในภายหลัง (เสียค่าไปรษณีย์แยกต่างหากจากค่าร่วมกิจกรรม) อย่าลืมจองชั้นเรียนเครื่องปั้นดินเผาก่อนล่วงหน้านะ

Picture courtesy of SEITO FUKUDA

SEITO FUKUDA เป็นสตูดิโอที่แค่ไปเยี่ยมชมก็สนุก ในพื้นที่ยังมีพิพิธภัณฑ์ 2 หลังที่ดำเนินการโดยครอบครัวผู้ก่อตั้ง หลังแรกเป็นอาคารเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เครื่องปั้นดินเผาในคาซามะตลอดช่วงเวลา 250 ปี

Picture courtesy of SEITO FUKUDA

ส่วนอีกหลังเป็นอาคารจัดแสดงเครื่องปั้นดินเผาจากทั่วโลก ซึ่งเริ่มต้นโดยหัวหน้าครอบครัวรุ่นก่อนแล้วส่งต่อมายังหัวหน้าครอบครัวคนปัจจุบันซึ่งเป็นช่างปั้นเครื่องปั้นดินเผาด้วย การเยี่ยมชมที่นี่จะทำให้การเดินทางไปคาซามะซึ่งเป็นเมืองแห่งเครื่องปั้นดินเผาในอิบารากิสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

 

สัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่อิบารากิ

หวังว่ากิจกรรมที่แนะนำนี้จะเป็นโอกาสให้ผู้อ่านทุกท่านได้มาเที่ยวชมอิบารากิและทำความเข้าใจวัฒนธรรมญี่ปุ่นอย่างลึกซึ้งผ่านการสัมผัสประสบการณ์เหล่านี้ อิบารากิไม่เพียงมีแค่งานหัตถกรรมพื้นบ้านให้ได้เพลิดเพลินเท่านั้น แต่ยังสามารถเพลิดเพลินกับกิจกรรมต่างๆ อย่างการเก็บผลไม้และทัวร์โรงงานได้ด้วย อย่าพลาดโอกาสในการสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นอย่างแท้จริงกันนะ

Enjoy Ibaraki! A New Experience Awaits