5 ของกินที่ต้องลองในจังหวัดอิบารากิ ขุมสมบัติของอาหาร! เมลอน เนื้อวัวฮิตาจิ โฮชิอิโมะ และอื่นๆ

อาหาร

5 ของกินที่ต้องลองในจังหวัดอิบารากิ ขุมสมบัติของอาหาร! เมลอน เนื้อวัวฮิตาจิ โฮชิอิโมะ และอื่นๆ

จังหวัดอิบารากิมีผลิตผลทางการเกษตรและปศุสัตว์ อย่างผลไม้ รวมถึงอาหารทะเลสดๆ มากมาย บทความนี้ขอแนะนำ 5 ของขึ้นชื่อในท้องถิ่นที่ต้องลองเมื่อมาอิบารากิ พร้อมกับวิธีรับประทานและเมนูแนะนำ

อิบารากิ (Ibaraki) ขุมสมบัติของอาหาร มีทั้งผลไม้ เนื้อสัตว์ และอาหารทะเลแสนอร่อย

จังหวัดอิบารากิมีจำนวนผลิตผลทางการเกษตรที่มากเป็นอันดับ 3 ของญี่ปุ่น เพราะที่นี่มีอุณหภูมิอบอุ่นเฉลี่ยตลอดทั้งปีอยู่ที่ 13°C ถึง 14.5°C จึงทำเกษตรและปศุสัตว์ได้หลากหลาย และอยู่ติดมหาสมุทรแปซิฟิกจึงมีอาหารทะเลอุดมสมบูรณ์

บทความนี้ขอแนะนำ 5 ของขึ้นชื่อในท้องถิ่นที่ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในอิบารากิ

เมลอน (Melon) ที่มีปริมาณการผลิตมากที่สุดในญี่ปุ่น (ฤดูกาล: เมษายน - ตุลาคม)

เมลอนถือเป็นผลไม้ประจำจังหวัดอิบารากิ มีปริมาณการผลิตมากเป็นอันดับ 1 ของญี่ปุ่นติดต่อกันมานานกว่า 20 ปี

มีเมลอนหลากหลายชนิดให้เพลิดเพลินตลอดแม้ช่วงนอกฤดูหนาว เช่น เมลอนแอนดีส (Andes Melon) และเมลอนควินซี (Quincy Melon) ในช่วงฤดูใบไม้ผลิถึงต้นฤดูร้อน และเมลอนเอิร์ล (Earl’ s Melon) ในช่วงฤดูร้อนถึงฤดูใบไม้ร่วง

แต่ที่น่าสนใจที่สุดคือ เมลอนอิบาระคิง (ฤดูกาลอยู่ในช่วงพฤษภาคม – มิถุนายน) ชื่อนี้ย่อมาจากภาษาอังกฤษว่า Ibaraki King เป็นเมลอนแบรนด์อิบารากิซึ่งเกิดจากการผสมพันธุ์เมลอนมากกว่า 400 สายพันธุ์ที่มีมานานกว่า 10 ปีแล้ว

จุดเด่นคือสามารถลิ้มรสเมลอนที่เนื้อหนากว่าพันธุ์ตามฤดูกาลอื่นราว 10% และมีความหวานมากที่สุด

 

 

วิธีรับประทานแนะนำ

Picture courtesy of Fukasaku Farm

 

เมลอนของอิบารากินั้นอร่อยมากๆ สามารถหั่นแล้วรับประทานได้เลย แต่ถ้าเพิ่มเคล็ดลับนิดหน่อยก็จะเพิ่มความหลากหลายให้รสชาติของเมลอน

เช่น สามารถลิ้มรสความอร่อยที่ผสานกันของรสเค็มกับรสหวาน โดยนำเมลอนมาประกบด้วยพามาแฮม (Parma Ham) ปัจจุบันมีการรับประทานโดยนำเมลอนผ่าครึ่งเอาเมล็ดออกแล้วเทบรั่นดีใส่ กลายเป็นเมนู “เมลอนราดบรั่นดี” ที่ไม่เหมือนใครซึ่งได้รับความนิยมมากเช่นกัน!

นอกจากนี้ยังมีวิธีรับประทานคู่กับขนมหวานต่างๆ เช่น สมูทตี้ พาร์เฟต์ และคาคิโกริ (*) ในอิบารากิมีคาเฟ่หลายแห่งที่สามารถลิ้มรสคาคิโกริที่ทำจากน้ำเมลอนและเนื้อเมลอน

* คาคิโกริ…น้ำแข็งใสญี่ปุ่น ขนมหวานในฤดูร้อนของญี่ปุ่นที่รับประทานโดยการราดน้ำเชื่อมหรือน้ำผลไม้และเนื้อผลไม้ลงบนน้ำแข็งไส

 

 

สถานที่แนะนำ: ฟาร์มฟุคาซาคุ (Fukasaku Farm)

Picture courtesy of Fukasaku Farm

 

เมืองโฮโกตะ (Hokota) ในอิบารากิมีปริมาณการผลิตเมลอนได้มากที่สุดในญี่ปุ่น ดังนั้น จึงมีหลายแห่งที่สามารถสัมผัสประสบการณ์ ทำกิจกรรมเก็บเมลอนได้

หนึ่งในสถานที่แนะนำคือ Fukasaku Farm ในโฮโกตะฟาร์มซึ่งสืบทอดกันมา 6 รุ่น ยาวนานกว่า 100 ปี แถมผลิตภัณฑ์การเกษตรของที่นี่ยังได้รับรางวัลมากมายจากทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศ

สำหรับกิจกรรมเก็บเมลอน สามารถเลือกเก็บเมลอนที่ชอบจากเมลอนจำนวนมากที่ปลูกในเรือนเพาะปลูก (ปัจจุบัน ณ เดือนตุลาคม 2022 หยุดให้บริการชั่วคราว เนื่องจากมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19)

นอกจากนี้ ในบริเวณฟาร์มยังมีร้านค้าจำหน่ายเค้กขอนไม้หรือเค้กบามคูเฮน (Baumkuchen) โดยเกษตรกรแห่งแรกของโลก รวมถึงคาเฟ่และร้านขนมหวานที่จำหน่ายขนมหวานที่ทำจากผลไม้ตามฤดูกาลที่เก็บจากฟาร์มของที่นี่เอง

เนื้อวัวฮิตาจิ (Hitachi Wagyu Beef) เนื้อวากิวคุณภาพเยี่ยม (ฤดูกาล: ตลอดทั้งปี)

เนื้อวากิวหรือเนื้อวัวสายพันธุ์ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในวัตถุดิบปรุงอาหารยอดฮิตระดับโลกในขณะนี้

เนื้อวากิวมีหลากหลายชนิด แต่เนื้อวัวฮิตาจิเป็นเนื้อวัวสุดแสนอร่อยของจังหวัดอิบารากิ ที่ซึ่งมีการทำฟาร์มโคเนื้อมายาวนานมากกว่า 180 ปี เกรดคุณภาพของเนื้อคือ 4 หรือ 5 และเกรดปริมาณเนื้อ (*) ซึ่งเป็นการชี้ถึงปริมาณเนื้อส่วนที่กินได้ในวัวทั้งตัวคือเกรด A หรือ B ดังนั้น เนื้อวัวฮิตาจิจึงเป็นเนื้อวากิวแบรนด์ที่ดีที่สุดแบรนด์หนึ่งของประเทศญี่ปุ่นทั้งในด้านชื่อเสียงและคุณภาพตามความเป็นจริง

เนื้อวัวฮิตาจิเป็นคุโรเกะวากิว (วัวสายพันธุ์ญี่ปุ่นขนสีดำ) มีจุดเด่นคือเนื้อลายหินอ่อนที่ละเอียด และไขมันคุณภาพดีซึ่งมาจากการเลี้ยงด้วยอาหารสัตว์ที่อุดมด้วยแร่ธาตุ เนื้อวัวคุณภาพเยื่ยม เนื้อนุ่ม ละลายในปาก ที่ควรลิ้มลองให้ได้

* เกรดคุณภาพและปริมาณเนื้อของเนื้อวากิว…เกรดคุณภาพของเนื้อวัวมีตั้งแต่ 1 ถึง 5 โดย 5 เป็นระดับสูงสุด ส่วนปริมาณเนื้อมีตั้งแต่ A ถึง C โดย A มีค่าสูงสุด

 

 

วิธีรับประทานแนะนำ

ชุดอาหารกลางวันเนื้อวัวฮิตาจิ (Hitachigyu Lunch) เมนูยอดฮิตของ Restaurant Iijima

 

นอกจากสเต๊กและสตูเนื้อวัวเมนูเด็ดประจำร้านแล้ว อย่าลืมลองชาบูชาบูและสุกี้ยากี้ญี่ปุ่นซึ่งเป็นเมนูสุดอร่อยของญี่ปุ่นด้วยนะ

 

 

สถานที่แนะนำ: Restaurant Iijima (ร้านอาหารอิอิจิมะ)

Restaurant Iijima เป็นร้านอาหารประเภทเนื้อสัตว์ที่บริหารจัดการโดย Nikunoiijima ร้านจำหน่ายเนื้อสัตว์เก่าแก่ที่ได้รับรางวัลมากมาย เช่น การแข่งขันในงานมหกรรมสินค้านานาชาติด้านอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ (IFFA) นอกจากจะได้ลิ้มรสอาหารหลากหลายเมนูจากเนื้อวัวฮิตาจิ แถมยังสามารถจิบไวน์ที่เข้ากับอาหารแต่ละจาน ด้วยการแนะนำของผู้จัดการร้านซึ่งเป็นซอมเมอลิเยร์ (Sommelier ผู้เชี่ยวชาญเรื่องไวน์)

ข้อมูล

Restaurant Iijima

Restaurant Iijima

This restaurant is run directly by Iijima Butchers and specialises in premium beef including Hitachi Wagyu Beef. Iijima was first opened in 1979 and the quality of both food and service has kept cemented the restaurant’s popularity both locally and with visitors from further afield.
Dishes include Hitachi Beef steaks, shabushabu hot pot, sukiyaki and hamburger steaks as well as set menu and full course options.
There are also a variety of dining settings to choose from including the relaxed main restaurant, counter seating, an outdoor terrace and Japanese-style private rooms for events.

ดูบทความเพิ่ม

โฮชิอิโมะ (Hoshiimo) รสหวานแบบธรรมชาติที่มีมนต์เสน่ห์ (ฤดูกาล: พฤศจิกายน - มีนาคม)

โฮชิอิโมะหรือมันเทศตากแห้งเป็นขนมหวานดั้งเดิมของญี่ปุ่น ทำจากมันเทศนึ่งแล้วนำไปตากแดด เนื่องจากสภาพดินและอากาศเหมาะสม อิบารากิจึงเป็นแหล่งผลิตโฮชิอิโมะอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น

โฮชิอิโมะไม่ใช้สารเติมแต่งหรือน้ำตาล จึงสามารถเพลิดเพลินกับรสหวานตามธรรมชาติได้ นอกจากนี้ ยังอุดมไปด้วยเส้นใยอาหารและแร่ธาตุที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งเสน่ห์อีกอย่างของโฮชิอิโมะด้วย

 

 

วิธีรับประทานแนะนำ

สามารถลิ้มรสความอร่อยของโฮชิอิโมะเปล่าๆ ได้เลย จะรับประทานคู่กับชาหรือนมก็อร่อยเข้ากันแบบสุดๆ

ยังนำมาหุงกับข้าว ปรุงเป็นข้าวอบทรงเครื่องสไตล์ญี่ปุ่น (ทาคิโคมิโกฮัง) ก็อร่อยมากๆ นอกจากนี้ยังมีขนมต่างๆ ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของอิบารากิ เช่น พายโฮชิอิโมะ ชีสเค้กโฮชิอิโมะ และเจลาโต้ที่ใส่โฮชิอิโมะแบบจัดเต็ม

 

 

สถานที่แนะนำ: Lapoppo Namegata Farmers Village และศาลเจ้าโฮชิอิโมะ

ชาวจังหวัดอิบารากิรักและภาคภูมิใจในโฮชิอิโมะขนมท้องถิ่นนี้มากๆ ดังนั้น ภายในจังหวัดจึงมีจุดท่องเที่ยวหลายแห่งเกี่ยวกับโฮชิอิโมะและมันเทศ

หนึ่งในนั้นคือ Lapoppo Namegata Farmers Village ธีมพาร์คเกษตรกรรมเชิงปฏิบัติที่นำโรงเรียนเก่าที่ปิดไปมาปรับปรุงใหม่ พิพิธภัณฑ์โรงงานที่อยู่ในบริเวณเป็นจุดท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ซึ่งนอกจากจะจัดแสดงประวัติและเสน่ห์ของยากิอิโมะ (มันเผาญี่ปุ่น) ยังสามารถเข้าชมอุปกรณ์โรงงาน เช่น อุโมงค์เตาอบยากิอิโมะเครื่องแรกของโลกที่ยาวถึง 19 เมตร!

 

เสาโทริอิสีทองในศาลเจ้าโฮชิอิโมะ (Hoshi-imo Shrine)

 

นอกจากนี้ โฮชิอิโมะในภาษาญี่ปุ่นยังมีเสียงคล้ายกับคำว่าโฮชิอิโมโนะ (สิ่งที่ปรารถนา) ในจังหวัดอิบารากิมีศาลเจ้าโฮชิอิโมะเป็นจุดรับพลังเสริมดวง ซึ่งกล่าวกันว่า ช่วยดลบันดาลให้ “ได้ทุกสิ่งที่ต้องการ”

ข้อมูล

Lapoppo Namegata Farmers Village(らぽっぽ なめがたファーマーズヴィレッジ)

Lapoppo Namegata Farmers Village(らぽっぽ なめがたファーマーズヴィレッジ)

●เปิดประสบการณ์กับสวนสนุกเชิงเกษตรที่เมืองนาเมกาตะ จังหวัดอิบารากิ
สวนสนุกเชิงเกษตรที่นำอาคารเรียนเก่ามาปรับปรุงใหม่ โดยมีแนวคิด “Farm to the Table” วัตถุดิบสดใหม่ส่งตรงจากแปลงผักสู่โต๊ะอาหาร เป็นสถานที่ซึ่งสามารถลิ้มลองอาหาร สนุกสนานและเรียนรู้เกี่ยวกับการทำฟาร์มที่โรงงานมันเทศ ร้านค้าฟาร์ม และร้านอาหารของอุทยาน ตลอดจนการสัมผัสประสบการณ์การทำฟาร์ม
●พักใจกับ Farm Gramping
เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ของทุ่งหญ้าที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาล ในฟาร์มอันหรูหรา รับประทานผักที่เก็บสดๆ มีที่พักให้เลือก 2 รูปแบบ คือ แบบตั้งแคมป์ที่จะได้ผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจจากการชมท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ และแบบบ้านพักพร้อมเครื่องปรับอากาศที่สะดวกสบายสไตล์เทเล เหมาะกับการหลีกหนีชีวิตที่วุ่นวายมาพักผ่อนกับคนที่คุณรัก ครอบครัว และเพื่อนๆ นอกจากนี้ ยังมีออนเซ็นใกล้เคียงบนชายฝั่งของทะเลสาบคิตาอุระ (Lake Kitaura) ให้คุณได้อาบน้ำพุร้อนพร้อมชมทัศนียภาพอันงดงามของทะเลสาบ

ดูบทความเพิ่ม

ปลาอังโค (Anko Fish) อาหารเลิศรสในฤดูหนาวที่ช่วยให้ผิวสวย (ฤดูกาล: พฤศจิกายน - มีนาคม)

ปลาอังโคเป็นปลาทะเลน้ำลึกที่ไม่มีเกล็ด ตัวนุ่มนิ่ม หน้าตามีเอกลักษณ์ แต่จริงๆ แล้วอังโคถือเป็นวัตถุดิบชั้นเลิศจากอิบารากิที่ในสมัยเอโดะ (ปี 1603 – 1868) ไดเมียวจะมอบให้กับโชกุน

เนื้อปลานุ่มและมีรสชาติอ่อนๆ ส่วนตับ ท้อง หนัง และส่วนอื่นๆ มีจุดเด่นคือเนื้อสัมผัสที่มีความยืดหยุ่นสูง ผู้ที่รับประทานครั้งแรกอาจแปลกใจเล็กน้อยกับรสชาติและกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ แต่จริงๆ แล้วเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง อีกทั้งยังเป็นอาหารเพิ่มพละกำลังของชาวประมงด้วย แถมมีคอลลาเจนสูงช่วยให้ผิวสวย อุดมไปด้วยวิตามิน ไขมันต่ำ และแคลอรีต่ำ ปัจจุบันจึงได้รับความนิยมมากในหมู่ผู้หญิง

ฤดูของปลาอังโคจะอยู่ในช่วงพฤศจิกายนถึงมีนาคม และจะอร่อยที่สุดในช่วงธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ในตอนที่ตับซึ่งเรียกกันว่า “ฟัวกราส์แห่งท้องทะเล” ขยายใหญ่ที่สุด

 

 

วิธีรับประทานแนะนำ

จุดเด่นของปลาอังโคคือส่วนใหญ่นำไปประกอบอาหารได้ สามารถดื่มด่ำกับเนื้อสัมผัสและรสชาติที่แตกต่างกันตามวิธีการปรุง เช่น หม้อไฟ คาราอาเกะ (ชุบแป้งทอด) และเอาไปยำกับน้ำส้มสายชูในสไตล์ญี่ปุ่น

 

 

สถานที่แนะนำ: โออาไรโฮเต็ล (OARAI Hotel)

ที่ Oarai Hotel ไม่เพียงแต่สามารถรับประทานอาหารจากปลาอังโคได้ในช่วงพฤศจิกายนถึงมีนาคม แต่ยังสามารถชมการแสดงแล่ปลาอังโคด้วยการแขวนได้ทุกวัน

ปลาอังโคมีลำตัวอ่อนนุ่ม แล่ยาก ดังนั้น การปรุงอาหารที่บ้านจึงเป็นเรื่องยาก หากได้ชมการแล่ปลาด้วยการแขวนซึ่งวิธีการปรุงอาหารที่มีเอกลักษณ์เช่นนี้ ย่อมเป็นสิ่งที่มีค่ายิ่ง

ข้อมูล

โออาไรโฮเต็ล (OARAI Hotel)

โออาไรโฮเต็ล (OARAI Hotel)

OARAI Hotel ตั้งอยู่บริเวณหาดโออาไร (Oarai Beach) อันสวยงาม มองเห็นวิวของมหาสมุทรแปซิฟิกที่กว้างใหญ่จากแต่ละห้องพัก มีบริการอาหารทะเลสดใหม่
บริเวณใกล้เคียงมีสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เช่น อควาเวิลด์ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโออาไรประจำจังหวัดอิบารากิ (AQUAWORLD Ibaraki Prefectural Oarai Aquarium) และฮิตาจิ ซีไซด์ ปาร์ค (Hitachi Seaside Park) ให้สนุกสนานได้ทั้งครอบครัว เช่น ชมปลา ชอปปิ้ง ให้เพลิดเพลินกันได้ตลอดทั้งปี

ดูบทความเพิ่ม

นัตโตะที่ต้องลองสักครั้งในญี่ปุ่น (ฤดูกาล: ตลอดทั้งปี)

นัตโตะเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่ช่วยให้อายุยืนยาวของชาวญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยโบราณ กล่าวกันว่ามีมาตั้งแต่ในสมัยยาโยอิ (ราวศตวรรษที่ 10 ถึงศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล) เป็นอาหารหมักดองเพื่อสุขภาพที่อุดมไปด้วยวิตามิน โปรตีน และอื่นๆ ซึ่งเหมาะกับผู้ที่รักสุขภาพและชาววีแกน แต่เนื่องจากเป็นอาหารประเภทหมักดองจึงมีรสชาติ กลิ่น และรูปลักษณ์ที่มีเอกลักษณ์ ทำให้มีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบ ทว่าก็มีหลายคนที่ติดนัตโตะมากจนต้องกินทุกวัน

จริงๆ แล้ว นัตโตะเป็นของขึ้นชื่อของอิบารากิ ในจังหวัดจึงมีโรงงานนัตโตะหลายแห่ง รวมทั้งบริษัททาคาโนะฟู้ดส์ (TAKANO Foods Co., Ltd) ซึ่งผลิตโอกาเมะนัตโตะ (Okame Natto) นัตโตะแบรนด์ดังที่สุดในญี่ปุ่น

 

 

วิธีรับประทานแนะนำ

วิธีรับประทานโดยทั่วไปคือการผสมกับต้นหอมแล้วราดบนข้าวสวยร้อนๆ แต่สามารถผสมกับไข่หรือกิมจิรับประทานได้ หรือนำราดบนขนมปังปิ้งรับประทานก็ได้ นอกจากนี้แม้แต่ในจังหวัดอิบารากิก็ยังมีเมนูแปลกๆ อย่างซอฟต์ครีมราดนัตโตะที่ไม่เหมือนใครด้วย

 

 

สถานที่แนะนำ: ร้านซันซุย (SANSUI Anglerfish Hotpot)

SANSUI ร้านอาหารท้องถิ่นในเมืองมิโตะ (Mito) ให้บริการ “นัตโตะเทมปุระ” เมนูที่นำนัตโตะผสมผักนำไปชุบแป้งทอด และ “นัตโตะไคเซกิ” (เฉพาะฤดูร้อน) ที่สามารถเพลิดเพลินกับอาหารที่ปรุงด้วยนัตโตะหลากหลายแบบได้ในคราวเดียว ยังมีเมนูอังโคนาเบะ (ปลาอังโคหม้อไฟ) ที่ได้รับความนิยมมากเช่นกัน

 

ข้อมูล

ร้านซันซุย (SANSUI Anglerfish Hotpot)

ร้านซันซุย (SANSUI Anglerfish Hotpot)

SANSUI Anglerfish Hotpot ให้บริการอาหารท้องถิ่นของจังหวัดอิบารากิ เช่น อังโคนาเบะ (ปลาอังโคหม้อไฟ), ถั่วนัตโตะของมิโตะที่มีรสชาติพิเศษ และเมนูที่ทำมาจากไก่โอคุคุจิชาโมะ แบรนด์ไก่พันธุ์ชาโมะ (Shamo Chicken) เนื้อไก่ที่ขึ้นชื่อของเมืองไดโกะ เมืองทางตอนเหนือของจังหวัดอิบารากิ ซึ่งเป็นไก่ที่เลี้ยงในสิ่งแวดล้อมที่ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติ
และอีกหนึ่งเมนูพิเศษก็คือคามาเมชิ (ข้าวอบสไตล์ญี่ปุ่น) ใช้ข้าวสายพันธุ์โคชิฮิคาริ ซึ่งเป็นข้าวที่เกษตรกรปลูกโดยลดการใช้สารเคมี คามาเมชิมีหลากหลายแบบในรสชาติที่แตกต่างกัน ปรุงโดยวิธีดั้งเดิมที่สืบต่อกันมาสามชั่วอายุคนเป็นเมนูยอดฮิตตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุ
ที่ร้านยังมีอีกหลากหลายเมนู รวมถึงข้าวกล่องอาหารโชกาโดที่เป็นอาหารมือกลางวันหรืออาหารเบาๆ สุดหรูหรา การตกแต่งภายในร้านอาหารมีบรรยากาศเงียบสงบผ่อนคลาย และโต๊ะหลายรูปแบบ เช่น เคาน์เตอร์ โต๊ะ ห้องเสื่อทาทามิ และห้องส่วนตัว ให้บริการอย่างอบอุ่นในสไตล์ญี่ปุ่น

ดูบทความเพิ่ม

ยังมีของขึ้นชื่อประจำท้องถิ่นอีกมากมาย

ฮิตาจิอากิโซบะ

 

อิบารากิยังมีของขึ้นในท้องถิ่นอีกมากมาย เช่น เนื้อไก่โอคุคุจิชาโมะ แบรนด์ไก่พันธุ์ชาโมะ (Shamo Chicken) เกาลัด และฮิตาจิอากิโซบะ แวะมาเที่ยวอิบารากิเพื่อชมของอร่อยๆ กัน