คู่มือเที่ยวอุชิคุไดบุทสึ พระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก พร้อมของอร่อยและที่เที่ยวละแวกใกล้เคียง

ประวัติศาสตร์

อาหาร

กิจกรรม

คู่มือเที่ยวอุชิคุไดบุทสึ พระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก พร้อมของอร่อยและที่เที่ยวละแวกใกล้เคียง

อุชิคุไดบุทสึหรือพระใหญ่อุชิคุ (Ushiku Daibutsu) ในจังหวัดอิบารากิ (Ibaraki) เป็นพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้านในมีจุดที่น่าสนใจหลากหลายให้เที่ยวชมมากมาย ส่วนในละแวกรอบๆ ยังมีที่เที่ยวซึ่งสามารถช้อปปิ้งและเพลิดเพลินกับของอร่อย เหมาะไปเที่ยววันเดย์ทริปแบบจุใจกัน

ไปชมอุชิคุไดบุทสึ พระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกกัน

รู้จักอุชิคุไดบุทสึในจังหวัดอิบารากิกันไหมเอ่ย? อุชิคุไดบุทสึเป็นพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งได้รับการบันทึกในกินเนสส์บุ๊คออฟเวิลด์เรคคอร์ดเมื่อปี 1995 ด้วยความสูงรวม 120 เมตร

อุชิคุไดบุทสึไม่ได้มีความโดดเด่นแค่เรื่องของความใหญ่โตเท่านั้น โดยทั่วไปพระพุทธรูปจะตั้งอยู่ภายในวัด แต่อุชิคุไดบุทสึทั้งองค์คือวัด สามารถเข้าไปชมภายในพระพุทธรูป และมีจุดน่าสนใจหลากหลายให้เพลิดเพลินกัน

บทความนี้ขอแนะนำจุดน่าสนใจของอุชิคุไดบุทสึ และที่เที่ยวแนะนำในละแวกใกล้เคียง

คลิกที่นี่เพื่อดูรายละเอียด: IBARAKI GUIDE

ไฮไลต์ของอุชิคุไดบุทสึ

ภาพถ่ายทางอากาศของอุชิคุไดบุทสึ

อุชิคุไดบุทสึสร้างขึ้นเมื่อปี 1992 เพื่อให้ผู้คนได้มาพักผ่อนจิตใจ ตั้งอยู่ในเมืองอุชิคุ (Ushiku) พื้นที่ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับพระชินรัน (ปี 1173 – 1263) หนึ่งในพระสงฆ์ซึ่งมีความสำคัญในพุทธศาสนาของญี่ปุ่น

พระพุทธรูปปิดด้วยแผ่นทองสัมฤทธิ์มากกว่า 6,000 แผ่น ใช้เวลาสร้างราว 10 ปี ภายในองค์พระเป็นอาคาร 5 ชั้น แต่มีลิฟต์ ดังนั้น ผู้สูงวัยและผู้ที่ใช้รถเข็นสามารถเข้าชมได้สบายๆ ไม่ต้องกังวล

ภายในองค์พระอุชิคุไดบุทสึมีเส้นทางเที่ยวชมที่กำหนดไว้แล้ว ดังนั้นไปเที่ยวชมจุดที่น่าสนใจตามเส้นทางเที่ยวนี้กัน

* อุชิคุไดบุทสึเป็นวัดของนิกายโจโดะ (นิกายสุขาวดี) ซึ่งเป็นหนึ่งในพุทธศาสนานิกายมหายาน มีความแตกต่างจากพุทธศาสนานิกายเถรวาทในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่นักท่องเที่ยวที่ไม่ใช่ผู้ศรัทธาก็สามารถเข้าชมได้

โลกแห่งแสง (ชั้น 1)

อันดับแรก ต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าไปด้านในอุชิคุไดบุทสึ โลกแห่งแสง (World of Light) บนชั้น 1 เป็นพื้นที่แรกในอุชิคุไดบุทสึที่จะได้เห็น บริเวณนี้มีบรรยากาศเงียบสงบ โดยจะมีการฉายภาพพระพุทธรูปองค์เล็ก 12 องค์ซึ่งแสดงถึงแสงแห่งบุญกุศล 12 ประการของพระอมิตาพุทธตถาคต และพระสูตรบนหน้าจอ

ห้องนิทรรศการ (ชั้น 2)

เมื่อขึ้นไปบนชั้น 2 จะมีการจัดแสดงต้นกำเนิด เรื่องราว และขั้นตอนการก่อสร้างของอุชิคุไดบุทสึ โดยจะได้เห็นแบบจำลองเท้าขนาดเท่าของจริง รวมถึงรูปถ่ายขณะดำเนินการก่อสร้างด้วย

ห้องเรียวจูเซ็น (ชั้น 4 – 5)

หลังชมนิทรรศการ เมื่อขึ้นลิฟต์ขึ้นไปที่ชั้น 5 จะเห็นอีกหนึ่งไฮไลต์คือห้องเรียวจูเซ็นหรือห้องเขาคิชฌกูฏ เขาคิชฌกูฏเป็นภูเขาในอินเดียซึ่งว่ากันว่าพระศากยพุทธะเคยประทับอยู่

ชั้น 5 มีการจัดแสดงประวัติศาสตร์พุทธศาสนา ที่เก็บรักษาพระบรมสารีริกธาตุของพระศากยมุนีพุทธ และจุดชมวิวด้วย มีหน้าต่างแคบๆ 3 บานบริเวณพระอุระ (หน้าอก) ของอุชิคุไดบุทสึที่มองเห็นจากด้านนอกก็เป็นหนึ่งในจุดชมวิวบนชั้น 5 (สูงจากพื้นดิน 85 เมตร) ซึ่งในวันที่อากาศดีจะมองเห็นโตเกียวสกายทรีและภูเขาไฟฟูจิด้วย

ชั้น 4 มีร้านจำหน่ายของที่ระลึก โดยบางส่วนเป็นสินค้าดีไซน์พิเศษที่วางจำหน่ายในช่วงเวลาจำกัดเท่านั้น

โลกแห่งดอกบัว (ชั้น 3)

จากชั้น 4 ลงลิฟต์ไปที่โลกแห่งดอกบัวบนชั้น 3 ในพุทธศาสนา คำว่า โลกแห่งดอกบัว หมายถึง โลกที่รายล้อมไปด้วยความสุข ที่นี่จึงเป็นโลกสีทองที่รายล้อมไปด้วยไทไนบุทสึ (พระพุทธรูปองค์เล็กที่อยู่ในพระครรภ์ของพระพุทธรูปองค์ใหญ่) ราว 3,400 องค์ จะมีการเขียนชื่อธรรมะ (คือชื่อที่พระตั้งให้กับผู้ที่เสียชีวิต ในพุทธศาสนาของญี่ปุ่น จะมีประเพณีการให้พระตั้งให้แก่ผู้ที่เสียชีวิต) บนไทไนบุทสึแล้วสวดท่องพระสูตรเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้เสียชีวิตตลอดกาล ทุกเช้าและเย็นจะมีเสียงสวดมนต์พระสูตรดังก้องกังวาน

ทุกคนไม่ว่าจะมีสัญชาติหรือศาสนาใด ก็สามารถซื้อพระพุทธรูปให้กับตัวเอง และได้รับการสวดมนต์อุทิศส่วนกุศลได้หลังจากเสียชีวิตไปแล้วตลอดกาล มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาสักการะที่นี่มากเช่นกัน

โลกแห่งจิอนโฮโตคุ (ชั้น 2)

จากนั้นลงไปที่ชั้น 2 จะพบกับโลกแห่งจิอนโฮโตคุ (สำนึกบุญคุณ-ตอบแทนบุญกุศลที่ได้รับ) ซึ่งสามารถคัดลอกพระสูตรได้ บนแท่นคัดลอกพระสูตร จะมองเห็นตัวอักษรที่เขียนอยู่ด้านหลังของกระดาษ เราแค่ลากเส้นลอกลายตาม ดังนั้นถึงไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นก็สามารถคัดลอกตามได้อย่างง่ายดาย หากได้ลอง จะรู้สึกจิตใจสงบมากๆ

ชั้นนี้ยังมีมุมจำหน่ายของที่ระลึกด้วย ที่มุมหนึ่งของชั้นมีทางออกไปด้านนอกอุชิคุไดบุทสึ สามารถออกไปปิดทองคำเปลวบนฐานดอกบัวของอุชิคุไดบุทสึได้

สวนโจโดะ (Jodo Garden)

สวนโจโดะ (หรือสวนแดนสุขาวดี) บริเวณใต้พระบาทของอุชิคุไดบุทสึ เป็นสถานที่ซึ่งสะท้อนถึงคำสอนของนิกายโจโดะ (นิกายสุขาวดี) พุทธศาสนาดั้งเดิมของญี่ปุ่น สวนแห่งนี้มีสระน้ำและสวนดอกไม้ ซึ่งมีดอกไม้นานาชนิดบานสะพรั่งในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนตุลาคม มีทั้งดอกซากุระ ดอกชิบะซากุระ ดอกอาจิไซ (ดอกไฮเดรนเยีย) และดอกคอสมอส

นอกจากนี้ยังมี Fureai Garden Terrace (ฟุเรไอการ์เด็นเทอเรส) ซึ่งสามารถให้อาหารและสัมผัสสัตว์ขนาดเล็กต่างๆ อย่างเป็ดและกระต่ายได้ในวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมต่างๆ

นอกจากการเที่ยวชมจุดที่น่าสนใจข้างต้น อุชิคุไดบุทสึยังมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ด้วย โดยเฉพาะงานมันโทเอะ (Manto-e) ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 15 สิงหาคม ซึ่งจะได้ชมทิวทัศน์อันงดงามของโคมไฟมากมายนับไม่ถ้วนที่เรียงรายอยู่รอบๆ อุชิคุไดบุทสึในยามค่ำคืน

ไปเพลิดเพลินกับแหล่งช้อปปิ้งและของอร่อยในละแวกอุชิคุไดบุทสึ

ขอแนะนำที่เที่ยวต่างๆ ที่ไม่ควรพลาด เมื่อมาเที่ยวที่อุชิคุไดบุทสึ

1. Ami Premium Outlets (ขับรถจากอุชิคุไดบุทสึ 5 นาที)

Picture courtesy of Mitsubishi Estate・Simon Co., Ltd.

Ami Premium Outlets อยู่ใกล้กับอุชิคุไดบุทสึมาก ดังนั้นหลังเที่ยวชมเสร็จ ก็แวะไปรับประทานอาหารและช้อปปิ้งได้เลยอย่างสะดวกสบาย

Picture courtesy of Mitsubishi Estate・Simon Co., Ltd.

Ami Premium Outlets ได้รับความนิยมพอๆ กับ Gotemba Premium Outlets ในจังหวัดชิสุโอกะ และ Sano Premium Outlets ในจังหวัดโทจิกิ 2 เอาท์เล็ทอันโด่งดัง ที่นี่มีร้านค้ามากกว่า 160 ร้าน และมีร้านค้าแบรนด์ยอดฮิตมากมาย เช่น Adidas, New Balance และ Coach ร้านค้าส่วนใหญ่มีสินค้าปลอดภาษีจำหน่าย

มีร้านอาหารราว 20 ร้าน นอกจากจะมีร้านอาหารหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นจีน เกาหลี ญี่ปุ่น และอิตาลี ยังมีร้านอาหารสุดฮิตในหมู่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เช่น Wako ร้านจำหน่ายทงคัตสึ (หมูชุบแป้งทอด) และ Tsukiji Gindako ร้านจำหน่ายทาโกยากิ (ขนมครกญี่ปุ่นไส้ปลาหมึกยักษ์)

ข้อมูล

Ami Premium Outlets

Ami Premium Outlets

ร้านจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังของญี่ปุ่นและต่างประเทศกว่า 150 ร้าน เพลิดเพลินกับการซื้อสินค้าราคาพิเศษได้ทุกวัน และยังใกล้กับพระใหญ่อุชิคุหรืออุชิคุไดบุทสึ (Ushiku Daibutsu) ด้วย

ดูบทความเพิ่ม

2. Ushiku Chateau (ขับรถจากอุชิคุไดบุทสึ 20 นาที)

Ushiku Chateau (อุชิคุชาโตว์) เป็นหนึ่งในโรงบ่มไวน์แห่งแรกๆ ในญี่ปุ่นที่ผลิตไวน์เต็มรูปแบบ ซึ่งเต็มไปด้วยเสน่ห์ มีทั้งไวน์ รวมถึงอาคารเก่าแก่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่น

บริษัทก่อตั้งเมื่อปี 1903 ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปผสมญี่ปุ่นซึ่งได้รับความนิยมในสมัยเมจิ (ปี 1868 – 1912)

ภายในพื้นที่ 60,000 ตารางเมตรของ Ushiku Chateau มีจุดที่น่าสนใจมากมาย หนึ่งในนั้นคืออาคารอิฐสีแดงสวยงามที่ตั้งอยู่ด้านหน้า มีบรรยากาศเก๋ไก๋ เคยใช้เป็นที่ถ่ายทำละครด้วย นักท่องเที่ยวทั่วไปไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปด้านในอาคาร แต่แค่มองจากภายนอกก็น่าประทับใจแล้ว

ถัดจากอาคารหลักเข้าไปลึกสุดคือพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์คามิยะเด็นเบ (Kamiya Denbee Memorial Hall) ซึ่งจัดแสดงเครื่องมือและถังไม้ที่ใช้เก็บไวน์ในสมัยนั้น ขวดไวน์ที่ชาวญี่ปุ่นคุ้นเคย รวมทั้งเอกสารต่างๆ เกี่ยวกับประวัติของ Ushiku Chateau และการผลิตไวน์ของญี่ปุ่น อย่างเช่น โปสเตอร์และรูปถ่ายของโรงผลิตไวน์ Ushiku Chateau ไม่ใช่แค่สถานที่ได้รับความรู้เกี่ยวกับไวน์เท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ถ่ายรูปสวยอีกด้วย

ส่วนอาคารข้างๆ พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์คามิยะเด็นเบ เป็นร้านจำหน่ายของฝาก มีทั้งขนมและไวน์หลากหลายชนิด รวมทั้งแบรนด์ไวน์ของ Ushiku Chateau แต่ที่แนะนำเป็นพิเศษคือเค้กไวน์ เค้กเนื้อเนียนนุ่ม หอมกลิ่นไวน์ และมีปริมาณแอลกอฮอล์ 1 – 2% ดังนั้นจึงไม่เมาอย่างแน่นอน

ท่านที่ต้องการทดลองชิมไวน์ สามารถลองจิบไวน์สักแก้วในราคาย่อมเยาได้ด้วย

นอกจากนี้ยังสามารถรับประทานอาหารที่ร้านอาหารของ Ushiku Chateau ซึ่งนำห้องเก็บไวน์ที่สร้างจากอิฐอายุกว่า 100 ปีมาปรับปรุงใหม่ การมาเที่ยวที่นี่ นอกจากจะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ในสถานที่ชวนให้นึกถึงวันวานแล้ว ยังสามารถเพลิดเพลินกับของอร่อยและช้อปปิ้งได้ด้วย

3. Unagi Yasukawa (ขับรถจากอุชิคุไดบุทสึ 20 นาที)

เมื่อมาเที่ยวอุชิคุไดบุทสึ ขอแนะนำให้รับประทานมื้อกลางวันที่ “Unagi Yasukawa” (อุนางิ ยาซุคาวะ)

ว่ากันว่าละแวกเมืองอุชิคุเป็นแหล่งกำเนิดของอุนาด้ง (ข้าวหน้าปลาไหลย่างราดซอส) “Unagi Yasukawa” เป็นร้านชื่อดังเก่าแก่มากกว่า 40 ปีของย่านนี้

“Unagi Yasukawa” คัดสรรอุนางิ (ปลาไหล) คุณภาพเยี่ยมที่สุดจากจังหวัดไอจิ (Aichi) จังหวัดมิเอะ (Mie) และภูมิภาคคิวชู ย่างแต่ละจานอย่างพิถีพิถัน จัดเสิร์ฟพร้อมกับซอสสูตรลับของทางร้าน

ซอสเข้มข้นแต่ไม่หวานจนเกินไป เข้ากันได้ดีกับหนังที่ย่างกรอบ กลิ่นหอมฉุย ส่วนผู้ที่ไม่รับประทานอุนางิก็ยังมีเมนูอื่นๆ ให้ลิ้มลองกันอย่างโอยาโกะด้ง (ข้าวหน้าไก่กับไข่)

ร้านมีทั้งที่นั่งแบบโต๊ะและแบบเสื่อทาทามิ สามารถเลือกได้ตามชอบ

4. Yamaichi Miso (ขับรถจากอุชิคุไดบุทสึ 8 นาที)

มิโซะ (เต้าเจี้ยวญี่ปุ่น) เป็นอาหารหมักดองชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในเครื่องปรุงรสหลักของญี่ปุ่น อาหารที่ใช้มิโซะซึ่งชาวต่างชาติส่วนใหญ่คุ้นเคยกันก็คือ ซุปมิโซะ

ใกล้กับอุชิคุไดบุทสึมีร้านมิโซะเก่าแก่ชื่อดังคือ Yamaichi Miso (ยามาอิจิ มิโซะ) ก่อตั้งเมื่อปี 1962 จำหน่ายมิโซะที่ผลิตเองมากกว่า 15 ชนิด

มิโซะจะมีรสชาติและสีต่างกันตามระยะเวลาในการหมัก มิโซะซึ่งหมักในช่วงเวลาสั้นๆ จะมีสีขาวและรสชาติอ่อนๆ เมื่อยิ่งหมักนาน สีก็จะยิ่งแดงและรสชาติก็จะเข้มข้นมากขึ้นด้วย มิโซะที่นิยมมากที่สุดคือ มิโซะแดงซึ่งมีรสชาติเข้มข้น ผู้ที่ต้องการเพลิดเพลินไปกับรสชาติเข้มข้นของมิโซะต้องลิ้มลองดู

อีกหนึ่งความประทับใจที่สุดของที่นี่คือมิโซะซอฟต์ครีม ไอศกรีมสุดแปลกที่ผสมผสานความเค็มของมิโซะกับความหวานมันของซอฟท์ครีมได้อย่างลงตัว

ทางร้านยังมีผลิตภัณฑ์แปรรูปอีกมากมายที่ซื้อกลับเป็นของฝากได้ อย่าง Miso Peanuts (ถั่วลิสงเคลือบมิโซะ กินเล่นหรือเป็นกับข้าวก็ได้) และ Yuzu Miso (มิโซะผสมส้มยูซุ ไว้จิ้มผักต่างๆ รับประทาน) และผลิตภัณฑ์แสนอร่อยอีกมากมาย

5. Ramen Shop Ushiku Kessoku (ขับรถจากอุชิคุไดบุทสึ 15 นาที)

Ramen Shop Ushiku Kessoku (ร้านราเม็งอุชิคุเคซโซคุ) ร้านที่ผู้ชื่นชอบราเม็งไม่ควรพลาด ถึงเป็นร้านธรรมดาๆ ริมถนน แต่ฮิตสุดๆ มีลูกค้าเข้าคิวยาวทุกวัน เมื่อเข้าไปในร้าน ให้กดซื้อบัตรอาหารจากเครื่องจำหน่ายอัตโนมัติ

ทางร้านให้ความสำคัญกับวัตถุดิบเป็นพิเศษ ทั้งการใช้เส้นราเม็งโฮมเมดและต้นหอมของจังหวัดอิบารากิ รวมทั้งการเคี่ยวน้ำซุปนานกว่า 10 ชั่วโมง หมูชาชูของที่นี่ก็นุ่มมากๆ จนพนักงานในครัวบ่นว่าหั่นยาก

เมนูขึ้นชื่อของร้านคือ “Negi Chashu Men” ราเม็งที่ใส่ต้นหอมของจังหวัดอิบารากิแบบจัดเต็ม ซุปของที่นี่เต็มไปด้วยไขมันจากกระดูกสันหลังหมู รสชาติจึงเข้มข้นมาก แต่เพราะใส่ต้นหอมเยอะมาก ช่วยตัดเลี่ยนได้ดี ทำให้กินง่ายมาก

อีกหนึ่งเมนูสุดฮิตคือ Tsuke Chashu Men เมนูที่เสิร์ฟเส้นราเม็งกับน้ำซุปแยกกัน เสน่ห์ของเมนูนี้คือการจุ่มเส้นลงในน้ำซุปแล้วรับประทาน โดยสามารถจุ่มน้ำซุปได้มากน้อยตามชอบได้ น้ำซุปของ Ramen Shop Ushiku Kessoku เข้มข้นมีรสเปรี้ยวเล็กน้อย เข้ากับราเม็งเส้นบางที่ต้มให้แข็งนิดหน่อยแบบอัลเดนเต้

Ramen Shop Ushiku Kessoku มีลูกค้าแน่นมากๆ ในช่วงกลางวันและช่วงเย็น ดังนั้นขอแนะนำให้แวะมากันในช่วงเวลา 15.00 – 17.00 น.

 

ปั่นจักรยานเที่ยวละแวกอุชิคุ

นอกจากอุชิคุไดบุทสึและละแวกใกล้เคียง ผู้ที่ต้องการซึมซับเสน่ห์ของที่เที่ยวต่างๆ ในจังหวัดอิบารากิให้มากขึ้น ลองปั่นจักรยานเที่ยวที่ต่างๆ โดยใช้เส้นทางปั่นจักรยาน Tsukuba Kasumigaura Ring Ring Road กัน

เส้นทางปั่นจักรยาน Tsukuba Kasumigaura Ring Ring Road ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเส้นทางปั่นจักรยานแห่งชาติของญี่ปุ่น มีระยะทาง 180 กิโลเมตร ที่วิ่งวนรอบทะเลสาบคาซุมิกาอุระ (Lake Kasumigaura) ขนาดใหญ่ สามารถเช่าจักรยานได้ในเมืองทสึจิอุระ (Tsuchiura) ซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองอุชิคุ แล้วปั่นชมทิวทัศน์อันเงียบสงบที่มีเอกลักษณ์ของจังหวัดอิบารากิได้

สามารถอ่านบทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้ที่ด้านล่าง

7 ศาลเจ้าและวัดแนะนำในจังหวัดอิบารากิ ไปเที่ยวศาลเจ้าและวัดใกล้โตเกียวกัน!

ขอแนะนำทิวทัศน์อันตระการตาและจุดท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ตามเส้นทาง Tsukuba Kasumigaura Ring Ring Road