ลิ้มลองอาหารจาก 6 ร้านอาหารแนะนำในเมืองมิโตะที่เน้นวัตถุดิบของอิบารากิและสาเกท้องถิ่นกัน

อาหาร

ลิ้มลองอาหารจาก 6 ร้านอาหารแนะนำในเมืองมิโตะที่เน้นวัตถุดิบของอิบารากิและสาเกท้องถิ่นกัน

อาหารญี่ปุ่นเป็นที่ชื่นชอบและได้รับการยอมรับมากจากผู้คนทั่วโลก ไม่เพียงแค่โตเกียวที่มีร้านอาหารโดดเด่นและร้านอาหารมิชลินมากมาย พื้นที่ต่างๆ ทั่วญี่ปุ่นก็มีร้านอาหารแสนอร่อยในหลากหลายเมนูให้บริการด้วย บทความนี้ขอแนะนำร้านอาหารต่างๆ ในเมืองมิโตะ เมืองซึ่งเป็นที่ตั้งศาลาว่าการของจังหวัดอิบารากิ โดยเน้นร้านที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่น

อิบารากิ (Ibaraki) มีฮิตาจิ ซีไซด์ ปาร์ค (Hitachi Seaside Park) หนึ่งในจุดชมวิวที่สวยงามที่สุดของญี่ปุ่น สวนไคราคุเอน (Kairakuen Garden) 1 ใน 3 สวนที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น อุชิคุไดบุทสึ (Ushiku Daibutsu) ซึ่งได้รับการบันทึกสถิติโลกจากกินเนสส์ และที่เที่ยวต่างๆ เป็นจังหวัดใกล้โตเกียว (Tokyo) ที่ปัจจุบันกำลังได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศ โดยเฉพาะเมืองมิโตะ (Mito) ซึ่งเดินทางสะดวกมาก จึงมีผู้คนมากมายแวะเวียนมาพักกัน เมื่อมาเมืองมิโตะ ก็ต้องแวะร้านอาหารที่ใช้วัตถุดิบสดใหม่ในท้องถิ่นกัน

จังหวัดอิบารากิซึ่งมีชนบทอันอุดมสมบูรณ์และแนวชายฝั่งอันกว้างใหญ่ เป็นขุมสมบัติของวัตถุดิบท้องถิ่นคุณภาพสูง ติดอันดับ 1 ใน 3 จังหวัดที่มีปริมาณผลผลิตสูงที่สุดของญี่ปุ่น นอกจากเนื้อวัวฮิตาจิวากิว (Hitachi Wagyu Beef) ซึ่งเป็นหนึ่งในเนื้อวากิวที่ได้รับความชื่นชอบมากที่สุดในญี่ปุ่นแล้ว ที่นี่ยังเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบที่หลากหลาย ทั้งเนื้อหมู เนื้อไก่ ผัก อาหารทะเล และอาหารหมักต่างๆ

จากนี้ขอแนะนำ 6 ร้านอาหารในเมืองมิโตะที่คัดสรรมาโดยมีความแตกต่างกันในด้านบรรยากาศ ประเภท เมนู และราคา ลองแวะไปเที่ยวมิโตะซึ่งเป็นประตูสู่โลกแห่งอาหารของจังหวัดอิบารากิกัน

1. Shokudo HEY: อาหารมีสไตล์ในร้านอิซากายะ (ร้านเหล้าแบบญี่ปุ่น) ใกล้กับสถานีมิโตะ

 

Picture courtesy of Shokudo HEY

Shokudo HEY ตั้งอยู่ในย่านคึกคัก ติดสถานีมิโตะ (Mito) ร้านอิซากายะที่มีชีวิตชีวาแห่งนี้เปิดให้บริการเมื่อปี 2022 ให้บริการอาหารที่ใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงตามฤดูกาลจากผู้ผลิตในท้องถิ่น แนวคิดของร้านแห่งนี้คือการถ่ายทอดเสน่ห์ของอิบารากิผ่านทางเมนูจานอาหาร

Shokudo HEY ให้บริการอาหารจานเดียวและคอร์สอาหารหลากหลายซึ่งช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัสทั้ง 5 ในราคาย่อมเยา เมนูฮิตของที่นี่ ได้แก่ คาร์ปาชโชจากรากบัวและปลาตามฤดูกาล (Carpaccio อาหารอิตาเลียน มีเนื้อวัวดิบสไลด์บางๆ ราดด้วยน้ำมันมะกอกและน้ำมะนาว โรยหน้าด้วยผักอย่างหัวหอม) Mushroom Cheese (เห็ดสไลด์โรยชีส) และ Saba Tart (ทาร์ตปลาซาบะราดซอสทาร์ทาร์) ยังมีบริการของว่างขนาดพอดีคำในราคาราว 250 เยน เป็นร้านอาหารซึ่งสามารถเพลิดเพลินกับอาหารที่มีเอกลักษณ์จากวัตถุดิบของอิบารากิได้

Picture courtesy of Shokudo HEY

Shokudo HEY ยังให้บริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่างๆ รวมถึงสาเกและไวน์คุณภาพเยี่ยมของอิบารากิ โดยเฉพาะฟรุตซาว่าตามฤดูกาลซึ่งทำจากผลไม้ตามฤดูกาลได้รับความนิยมมาก สำหรับผู้ที่ต้องการเพลิดเพลินกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบจัดเต็ม ที่นี่ก็มีแพ็กเกจดื่มไม่อั้นให้บริการด้วย ชั้น 1 เป็นเคาน์เตอร์บาร์สุดเก๋ซึ่งสามารถชมเชฟปรุงอาหารได้ ส่วนที่นั่งแบบโต๊ะชั้น 2 สามารถจองเหมาได้

2. Yamaguchi-ro : ลิ้มรสอาหารไคเซกิชั้นเลิศ

Picture courtesy of Yamaguchi-ro

ผู้ที่อยากลิ้มรสอาหารและเครื่องดื่มสุดอร่อย ต้องไม่พลาดไคเซกิเรียวริที่ Yamaguchi-ro (ยามากุจิโร) ไคเซกิเรียวริ คือ อาหารฟูลคอร์สสไตล์ญี่ปุ่นซึ่งจะจัดเสิร์ฟอาหารทีละเมนูเป็นลำดับตามธรรมเนียมดั้งเดิมของญี่ปุ่น อาหารทุกจานได้รับการรังสรรค์อย่างปราณีตบรรจง แต่ละจานมีรูปลักษณ์และรสชาติประหนึ่งงานศิลป์ขนาดย่อมๆ ด้วยเหตุนี้ จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นอาหารชั้นเลิศ และมักรับประทานร่วมกันในงานเลี้ยง และการรับประทานทางธุรกิจ

Picture courtesy of Yamaguchi-ro

Yamaguchi-ro เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นเก่าแก่ที่เปิดให้บริการเมื่อปี 1872 โดยปรารถนาให้ลูกค้าทุกคนได้สัมผัสถึงฤดูกาลทั้งสี่ของญี่ปุ่นด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5 ผ่านอาหารแต่ละจาน จัดเสิร์ฟอาหารหลากหลายที่ตกแต่งงดงามหรูหรา ซึ่งปรุงจากอาหารทะเลและผักที่ดีที่สุดในท้องถิ่นโดยเน้นวัตถุดิบตามฤดูกาล เป็นร้านอาหารงดงามสไตล์ญี่ปุ่นที่มีห้องเสื่อทาทามิและสวน

ในคอร์สไคเซกินี้ นอกจากจะได้เพลิดเพลินกับผลิตภัณฑ์แบรนด์ท้องถิ่นอย่างฮิตาจิโนะคุนิอิเซเอบิ (Hitachinokuni Iseebi กุ้งมังกรญี่ปุ่นแบรนด์ฮิตาจิโนะคุนิ) และฮิตาจิกิว (Hitachi Wagyu Beef เนื้อวากิวแบรนด์ฮิตาจิ) ยังมีเมนูต่างๆ ให้เพลิดเพลินกับวัตถุดิบสุดหรูของอิบารากิที่ปรุงในหลากหลายวิธี เช่น อังโคนาเบะ (ปลาอังโคหม้อไฟ) และเมนูจากปลาไหล เมนูในคอร์สจะแตกต่างกันตามฤดูกาล รวมทั้งในมื้อกลางวันกับมื้อเย็นด้วย

Picture courtesy of Yamaguchi-ro

สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของร้านนี้คือสามารถเพลิดเพลินกับศิลปะการแสดงแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมขณะรับประทานอาหาร ซึ่งล้วนเป็นศิลปะการแสดงที่มีประวัติยาวนานหลายศตวรรษ เช่น มิโตะไดคากุระ การแสดงผาดโผนสุดทึ่งซึ่งปัจจุบันได้รับการสืบทอดมาถึงรุ่นที่ 15 แล้ว (กรุณาติดต่อสอบถามทางร้านเพื่อจองที่นั่ง)

ข้อมูล

ร้านยามากุจิโร (Mito YAMAGUCHI-ROU)

ร้านยามากุจิโร (Mito YAMAGUCHI-ROU)

YAMAGUCHI-ROU ใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นอิบารากิ ปรุงอาหารในแบบดั้งเดิมด้วยสูตรอาหารจากสมัยเมจิ ให้บริการอาหารญี่ปุ่นหลากหลายเมนู เช่น อังโคนาเบะ (ปลาอังโคหม้อไฟ)

ดูบทความเพิ่ม

3. Colk: ร้านอาหารฝรั่งเศสชั้นเลิศ

Picture courtesy of Colk

Colk (คอร์ก) ร้านอาหารที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ด้วยการนำอาหารชั้นเลิศของญี่ปุ่นและฝรั่งเศสมาผสมผสานกัน รังสรรค์เมนูต่างๆ ด้วยวัตถุดิบตามฤดูกาลของอิบารากิ เชฟผ่านการสั่งสมประสบการณ์มากมายจากที่ร้านอาหารหลากหลายแห่งในโตเกียว รวมทั้งร้านอาหารที่ได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ และเป็นเชฟที่ได้รับการรับรองให้เป็นซอมเมอลิเยร์ด้วย

Picture courtesy of  Colk

ทางร้านมีบริการคอร์สอาหารหลากหลาย ตั้งแต่คอร์สอาหารกลางวันพิเศษ (3,500 เยน) ไปจนถึงคอร์สอาหารเย็น (25,000 เยน) ซึ่งจัดเสิร์ฟมากถึง 8 – 10 เมนู ความพิเศษของ Colk คือมีเมนูเนื้อวัวที่โดดเด่นมากๆ โดยเฉพาะเมนูสเต็กและโรสบีส (เนื้อวัวอบ)

Picture courtesy of  Colk

ภายในร้านประกอบด้วยบาร์และเลานจ์ซึ่งได้รับการออกแบบตกแต่งอย่างสวยงาม ช่วยมอบประสบการณ์อันล้ำค่าในการรับประทานอาหาร อาหารจัดเสิร์ฟในภาชนะเครื่องปั้นดินเผาคาซามะยากิ ซึ่งเป็นงานหัตถกรรมอันยอดเยี่ยมของอิบารากิ

ที่สำคัญยิ่งก็คือการบริการแบบญี่ปุ่น ร้านอาหารมีความยืดหยุ่นในการให้บริการลูกค้าสูง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแพ้อาหารหรือความชื่นชอบ สามารถแจ้งล่วงหน้าได้ ทางร้านพร้อมให้บริการเป็นอย่างยิ่ง เมนูในคอร์สอาหารปรับเปลี่ยนตามฤดูกาล ดังนั้นถึงแวะมาที่ร้านในฤดูกาลเดียวกัน 2 ครั้ง ทางเชฟก็ยินดีเปลี่ยนปรับเปลี่ยนเมนูในคอร์ส หากมีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

4. Kura + Katsu: ทงคัตสึสุดพรีเมี่ยมที่ช่วยเติมเต็มหัวใจและกระเพาะให้อิ่มเอม

Picture courtesy of Kura + Katsu

อิบารากิเป็นที่รู้จักกันในฐานะแหล่งผลิตเนื้อหมูคุณภาพเยี่ยม ทงคัตสึ (หมูชุปแป้งทอด) สีเหลืองทองกรอบๆ เป็นหนึ่งในเมนูหมูสุดฮิตของญี่ปุ่น

โรงเหล้าสาเกคิอุจิ (Kiuchi Brewery) ซึ่งมีประวัติยาวนานกว่า 200 ปี ได้เปิดร้าน Kura + Katsu เมื่อปี 2023 ด้วยแนวคิดลิ้มรสทงคัตสึจากเนื้อหมูแบรนด์ดังของจังหวัดอิบารากิ ควบคู่กับสาเกที่ผลิตจากโรงเหล้าสาเกแห่งนี้

Picture courtesy of Kura + Katsu

ความโดดเด่นของ Kura + Katsu ไม่ได้มีแค่เนื้อหมูคุณภาพเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความพิถีพิถันในการปรุงด้วย เนื้อหมูที่ใช้เป็นหมูที่เลี้ยงในยาซาโตะ (Yasato) ซึ่งเป็นพื้นที่ทุ่งปศุสัตว์อันอุดมสมบูรณ์บนเนินเขาที่มีสภาพแวดล้อมเหมาะกับการปลูกข้าว เนื้อหมูจะผ่านการหมักและบ่มนานกว่า 2 สัปดาห์ ด้วยหินเกลือและไดกินโจโคเมะโคจิคุณภาพเยี่ยมที่ใช้ในโรงหมักเหล้าสาเกก่อนนำไปทอด กระบวนการนี้ทำให้เนื้อหมูนุ่มและมีรสชาติเข้มข้น นอกจากนี้ยังใช้น้ำมันหมูแบบโฮมเมดทอดช้าๆ ด้วยอุณหภูมิต่ำเป็นเวลานานเพื่อกักเก็บความชุ่มฉ่ำของเนื้อเอาไว้

มีบริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลากหลายชนิด รวมทั้งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากโรงกลั่นเหล้าสาเกคิอุจิ ที่เข้ากับทงคัตสึเนื้อฉ่ำๆ ที่ทอดเสร็จใหม่ๆ สามารถเพลิดเพลินกับรสชาติอันยอดเยี่ยมของสาเกคิคุโมริ วิสกี้ฮิโนมารุ เหล้าบ๊วย หรือเบียร์ฮิตาจิโนะเนสท์

5. Wagyuan: ร้านลับซึ่งสามารถเพลิดเพลินกับเนื้อวัวชื่อดังของอิบารากิ

Picture courtesy of Wagyuan

ญี่ปุ่นเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในเรื่องเนื้อวากิวระดับพรีเมี่ยม ซึ่งเป็นที่ต้องการสูง

เนื้อวัวฮิตาจิถือเป็นสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงในบรรดาวัตถุดิบต่างๆ ของอิบารากิ เป็นวัวญี่ปุ่นขนดำสายพันธุ์พิเศษที่เลี้ยงอย่างพิถีพิถันด้วยอาหารพิเศษ ทำให้ได้เนื้อวัวรสชาติแสนอร่อยและนุ่มละมุนชุ่มฉ่ำ

ในมิโตะมีร้านอาหารหลายแห่งที่สามารถเพลิดเพลินกับเนื้อวัวคุณภาพเยี่ยมของอิบารากิ หนึ่งในนั้นคือ Wagyuan (วากิวอัน) ร้านลับซึ่งตั้งอยู่ในบ้านญี่ปุ่นโบราณอันงดงาม

Picture courtesy of Wagyuan

Wagyuan มีเมนูอาหารหลากหลาย รวมถึงสเต็กเนื้อบ่มวากิวให้ได้เพลิดเพลินกันด้วย นอกจากฮิตาจิวากิวที่ขึ้นชื่อแล้ว ก็ยังมีฮานาโซโนะกิว เนื้อลายหินอ่อนสวยงาม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเนื้อวัววากิวคุณภาพสูงที่ผลิตในจังหวัดอิบารากิ หนึ่งในเมนูยอดฮิตคือ Wagyu Hitsumabushi (วากิวฮิตสึมาบูชิ) ซึ่งใช้เนื้อวากิวคุณภาพเยี่ยม โดยทั่วไป Hitsumabushi เป็นอาหารประเภทปลาไหลที่จัดเสิร์ฟเนื้อปลาไหลสับมาบนข้าวสวยในชามโอฮิตสึ (ชามไม้) ดังนั้น Hitsumabushi ที่ใช้เนื้อวัวจึงเป็นเมนูแปลกที่หายาก

อาหารทุกจานของ Wagyuan ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงาม อีกทั้งการตกแต่งภายในร้านก็งดงามมากๆ เหมาะกับการถ่ายรูปไปอวดในโซเชียลมากๆ

6. Ibaraki Jizake Bar Mito: จิบสาเกท้องถิ่นที่ดีที่สุดในอิบารากิ

Picture courtesy of Ibaraki Jizake Bar

ผู้ที่ชื่นชอบสาเกต้องแวะไปที่ Ibaraki Jizake Bar Mito (อิบารากิ จิซาเกะ บาร์ มิโตะ) ร้านอยู่ติดประตูตรวจตั๋วของสถานีมิโตะ (Mito) ร้านเล็กๆ แห่งนี้เปิดให้บริการเมื่อปี 2022 จำหน่ายสาเกของจังหวัดอิบารากิ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตข้าวรายใหญ่แห่งหนึ่งของญี่ปุ่น และมีโรงหมักสาเกมากที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคคันโต

ร้านนี้จำหน่ายสาเกจากโรงหมักสาเก 35 แห่งในจังหวัดอิบารากิ มีสาเกราว 100 ชนิด โดยมีสาเก 36 ชนิดที่ให้บริการจากเซิร์ฟเวอร์สาเก รวมถึงสาเกจุนไม (Junmai) และสาเกจุนไมกินโจ (Junmai Ginjo) ซึ่งทำจากข้าวบริสุทธิ์และไร้สารเติมแต่ง มีทั้งสาเกรสเบาๆ รสผลไม้ ไปจนถึงรสเข้มข้น รับรองว่าต้องพบกับสาเกที่เหมาะกับความชื่นชอบอย่างแน่นอน

Picture courtesy of Ibaraki Jizake Bar

สามารถสนุกกับการเลือกชิมสาเกได้ด้วยตัวเอง เมื่อเข้าไปในร้าน จะเห็นเซิร์ฟเวอร์สาเกตั้งเรียงราย แลกเหรียญสำหรับหยอดในราคา 300 เยนที่จุดชำระเงินสด นำเหรียญหย่อนลงในเซิร์ฟเวอร์ เลือกสาเกที่ต้องการแล้วกดปุ่ม หนึ่งเหรียญสามารถดื่มสาเกได้ 1 จอกไม่จำกัดชนิด และยังมีชุด 3 เหรียญพร้อมกับแกล้มแสนอร่อยของท้องถิ่นในราคาสุดคุ้มเพียง 1,000 เยน

นอกจากมีโต๊ะแบบยืนดื่มและพื้นที่แบบนั่งดื่มแล้ว ยังมีจุดจำหน่ายสาเกและกับแกล้มด้วย จึงสามารถซื้อสาเกและกับแกล้มที่ชื่นชอบได้ทันที

ค้นพบเสน่ห์ของอาหารในมิโตะ

เมืองมิโตะมีร้านอาหารมากมาย ตั้งแต่ร้านอิซากายะราคาย่อมเยาที่สามารถเพลิดเพลินกับวัตถุดิบสดใหม่หลากหลายของอิบารากิ ไปจนถึงคอร์สอาหารสุดหรู ดังนั้นเมื่อมาเยือนเมืองมิโตะ อย่าลืมแวะไปเพลิดเพลินกับอาหารชั้นเลิศสุดอร่อยของอิบารากิกัน

 

สามารถอ่านบทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้ที่ด้านล่าง

7 สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ในอิบารากิที่วัฒนธรรมซามูไรยังคงแข็งแกร่ง

ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ในเมืองมิโตะ 2 วัน 1 คืน : เดินเที่ยวสถานที่โด่งดังในสมัยเอโดะและสมัยเมจิ