8 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีในอิบารากิที่ห้ามพลาด! ชมทิวทัศน์งามสุดวิจิตร เที่ยวได้ทั้งแบบวันเดย์ทริปจากโตเกียว และแบบพักค้างคืน

ธรรมชาติ

8 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีในอิบารากิที่ห้ามพลาด! ชมทิวทัศน์งามสุดวิจิตร เที่ยวได้ทั้งแบบวันเดย์ทริปจากโตเกียว และแบบพักค้างคืน

จังหวัดอิบารากิ (Ibaraki) ไปเที่ยวแบบวันเดย์ทริปหรือไปเช้าเย็นกลับจากโตเกียวได้ และเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีชื่อดังด้วย ขอนำเสนอ 8 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีแนะนำในจังหวัดอิบารากิ มีทั้งที่เที่ยวสุดฮิตอย่างฮิตาจิ ซีไซด์ ปาร์คและน้ำตกฟุคุโรดะ ไปจนถึงหุบเขาริวจินซึ่งสามารถสัมผัสประสบการณ์การกระโดดบันจี้จัมพ์ที่ความสูงระดับ 100 เมตรด้วย

ไปอิบารากิ ชมใบไม้เปลี่ยนสีท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม เดินทางจากโตเกียวมาง่ายๆ

เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้เปลี่ยนสีจะแต่งแต้มสีสันทั้งแดงและเหลืองไปทั่วทุกแห่งในญี่ปุ่น ใบไม้เปลี่ยนสีถือเป็นสัญลักษณ์แห่งฤดูกาลของญี่ปุ่นเช่นเดียวกับดอกซากุระ

ไหนๆ จะชมใบไม้เปลี่ยนสีทั้งที ลองออกจากตัวเมืองสักหน่อย ไปเพลิดเพลินกับใบไม้เปลี่ยนสีท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามตระการตากัน จังหวัดอิบารากิมีจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีชื่อดังมากมาย แถมเดินทางจากโตเกียว เที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับได้ง่ายๆ

บทความนี้จะพาไปรู้จักจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่เป็นไฮไล์ของจังหวัดอิบารากิกัน

แม้ช่วงเวลาในการชมใบไม้เปลี่ยนสีของแต่ละท้องถิ่นในญี่ปุ่นจะต่างกันเล็กน้อย แต่พื้นที่รอบๆ โตเกียวรวมถึงจังหวัดอิบารากินั้น เดือนพฤศจิกายนคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมใบไม้เปลี่ยนสี วันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ในช่วงเวลานี้ของปี จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีจะเนืองแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น ดังนั้น หากต้องการเพลิดเพลินกับใบไม้เปลี่ยนสีแบบสบายๆ ขอแนะนำให้ไปในวันธรรมดากัน

สามารถใช้แผนที่ด้านบนเพื่อดูว่ามีที่ใดบ้างที่เราเดินทางไปได้ง่าย

1. ริวจินเกียวหรือหุบเขาริวจิน (ตอนเหนือของจังหวัด)

หุบเขาริวจิน (Ryujin Gorge) ตั้งอยู่ในโอคุคุจิอุทยานธรรมชาติประจำจังหวัด(Okukuji Prefectural Natural Park) เป็นหุบเขาลึกรูปตัววี “ริวจิน” แปลว่า “เทพเจ้ามังกร” ชื่อนี้มาจากความเชื่อที่ว่า ที่นี่เคยมีมังกรคู่หนึ่งอาศัยอยู่ นอกจากนี้ เมื่อมองแม่น้ำที่ไหลผ่านหุบเขาแห่งนี้จากด้านบนยังมีลักษณะคดเคี้ยวคล้ายมังกร

สะพานแขวนริวจิน (Ryujin Big Suspension Bridge) ที่อยู่ในหุบเขาแห่งนี้มีระยะระหว่างหอคอยหรือเสาขึงหลัก (Pylon) สองฝั่งยาว 375 เมตร ทำให้ที่นี่เป็นสะพานคนเดินที่ยาวที่สุดเป็นอันดับ 3 ของญี่ปุ่น

เมื่อย่างเข้าสู่เดือนพฤศจิกายน ใบไม้เปลี่ยนสีจะย้อมเทือกเขารอบหุบเขาริวจินและสะพานแห่งนี้ให้เป็นสีแดงสดและสีเหลืองสวยงามยิ่ง สามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันงดงามที่ถักทอขึ้นจากใบไม้เปลี่ยนสี หุบเขา และสะพานได้ในสถานที่ต่างๆ แต่จุดที่แนะนำเป็นพิเศษคือระเบียงของริวจินคาเฟ่ (Ryujin Cafe) บนหน้าผาของหุบเขา

สะพานแขวนริวจินยังมีชื่อเสียงโด่งดังมากจากการเป็นจุดกระโดดบันจี้จัมพ์ที่สูงถึง 100 เมตร (สูงเป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น) เมื่อกระโดดบันจี้จัมพ์ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงจะรู้สึกเหมือนดำดิ่งลงไปอยู่ท่ามกลางใบไม้เปลี่ยนสี นอกจากนี้ยังสามารถพายเรือแคนูหรือนั่งเรือชมใบไม้เปลี่ยนสีและน้ำตกเล็กๆ ในหุบเขาได้ด้วย

ที่สำคัญช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสียังทับซ้อนกับช่วงฤดูฮิตาจิอากิโซบะ (โซบะเป็นหนึ่งในอาหารประเภทเส้นแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น) อาหารขึ้นชื่อประจำท้องถิ่นของที่นี่ด้วย ดังนั้น จึงสามารถลิ้มรสโซบะแสนอร่อยได้ที่ร้านอาหารต่างๆ ย่านหุบเขาริวจินในเมืองฮิตาจิโอตะ (Hitachiota)

ข้อมูล

สะพานแขวนริวจิน

สะพานแขวนริวจิน

สะพานแขวนริวจินอตั้งตระหง่านเหนือเขื่อนริวจิน (Ryujin Dam) โดยน้ำจากเขื่อนไหลผ่านหุบเขารูปตัววีที่งดงาม สะพานยาวทั้งสิ้น 375 เมตร เป็นสะพานแขวนสำหรับคนเดินข้ามที่ยาวที่สุดในเกาะฮอนชูของญี่ปุ่น จากสะพานแขวนจะมองเห็นทิวทัศน์แบบพาโนรามาที่สวยงามยิ่งได้ตลอดทั้ง 4 ฤดูกาล
ในฤดูใบไม้ผลิมีการตกแต่งธงปลาคาร์ฟอันเพื่อขอพรให้กับเด็ก ส่วนฤดูใบไม้ร่วงมีทิวทัศน์ใบไม้เปลี่ยนสีที่งดงาม ยงมีการกระโดดบันจีจัมพ์ที่ความสูง 100 เมตร ซึ่งถือว่ามีความสูงมากที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น จึงได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก

ดูบทความเพิ่ม

2. ทุ่งโคเชียในฮิตาจิ ซีไซด์ ปาร์ค (ตอนกลางจังหวัด)

コキア 国営ひたち海浜公園

ในละแวกโตเกียว ต้นคาเอเดะ (ต้นเมเปิล-ใบหยักตื้น) ต้นโมมิจิ (ต้นเมเปิลญี่ปุ่น-ใบหยักลึก) และต้นแปะก๊วย ซึ่งล้วนเป็นต้นไม้แห่งฤดูใบไม้เปลี่ยนสีอันงดงามเลื่องชื่อของญี่ปุ่นนั้น จะเปลี่ยนสีในช่วงเดือนพฤศจิกายน แต่สำหรับผู้ที่ไม่ได้มาญี่ปุ่นในเดือนพฤศจิกายนก็ไม่ต้องเศร้าใจหรือยอมตัดใจไป เพราะสามารถมาชมใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงที่จังหวัดอิบารากิในช่วงเดือนตุลาคมก็ได้

ฮิตาจิ ซีไซด์ ปาร์ค (Hitachi Seaside Park) ในจังหวัดอิบารากิโด่งดังในฐานะจุดชมวิวดอกเนโมฟีลา (เบบีบลูอายส์) สีฟ้าในฤดูใบไม้ผลิ แต่อันที่จริงยังเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีเอกลักษณ์มากด้วย ทุ่งโคเชียสีแดงที่แต่งแต้มสีสันให้กับฮิตาจิ ซีไซด์ ปาร์คแห่งนี้ในฤดูใบไม้ร่วง จะเริ่มเปลี่ยนสีในช่วงต้นเดือนตุลาคม และมีสีแดงงดงามน่าชมที่สุดในช่วงกลางเดือนตุลาคม จากนั้น เมื่อย่างเข้าสู่ปลายเดือนตุลาคม จะกลายเป็นสีเหลืองทอง ที่บ่งบอกถึงการเริ่มเข้าสู่ปลายฤดูใบไม้ร่วง

สีเขียวสดใสของพุ่มโคเชียในฤดูร้อนดูสบายตา แต่เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ทั้งเนินจะปกคลุมไปด้วยพุ่มโคเชียสีแดงสดราวกับพรม เป็นทิวทัศน์ที่งดงามจริงๆ ถึงจะมาชมใบเมเปิลเปลี่ยนสีในเดือนพฤศจิกายนไม่ได้ ลองมาชมทุ่งโคเคียอันงดงามดู รับรองไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

แถมในช่วงเวลานี้ยังสามารถลิ้มรสและถ่ายรูปสวยๆ ของขนมหวานสุดน่ารักที่ได้รับแรงบันดาลใจจากทุ่งโคเชีย ที่ร้านจำหน่ายของว่างในฮิตาจิ ซีไซด์ ปาร์คด้วยนะ

ข้อมูล

ฮิตาจิ ซีไซด์ ปาร์ค

ฮิตาจิ ซีไซด์ ปาร์ค

ฮิตาจิ ซีไซด์ ปาร์คเป็นสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ มีพื้นที่ประมาณ 190 เฮกตาร์ ภายในสวนมีทุ่งดอกไม้ตามฤดูกาลหลากหลายสายพันธุ์ที่ออกดอกหมุนเวียนให้ชมตลอดปี ในฤดูใบไม้ผลิจะได้ชมทุ่งดอกนาร์ซิสซัส และดอกทิวลิป เมื่อถึงช่วงต้นฤดูร้อนจะมีทุ่งดอกเนโมฟีลา (เบบีบลูอายส์) และดอกกุหลาบ ส่วนดอกบานชื่นจะบานในช่วงกลางฤดูร้อน เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงก็จะได้ชมทุ่งดอกโคเชียและทุ่งดอกคอสมอส
นอกจากนี้ยังมีเส้นทางปั่นจักรยานที่นักท่องเที่ยวสามารถปั่นชมภายในสวน รวมถึงโซนอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น สวนสนุก สนาม BMX วิบาก สนามกีฬา และสถานที่ทำบาร์บีคิว

ดูบทความเพิ่ม

3. น้ำตกฟุคุโรดะ (ตอนเหนือของจังหวัด)

น้ำตกฟุคุโรดะ (Fukuroda Falls) ตั้งอยู่ในไดโกะมาจิ (Daigo-machi) หนึ่งในที่เที่ยวสุดฮิตของจังหวัดอิบารากิ ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 3 น้ำตกที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น เช่นเดียวกับน้ำตกเคกอนโนะทากิในเมืองนิกโก (Nikko)

เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ สูง 120 เมตร กว้าง 73 เมตร น้ำตกจะไหลผ่านหน้าผาขนาดใหญ่ซึ่งเป็นชั้นหินไล่ระดับลงมา 4 ชั้น ทำให้น้ำตกนี้มีอีกชื่อหนึ่งว่า โยโดะ โนะ ทากิ (Yodo no Taki) ที่แปลว่า “น้ำตก 4 ชั้น”

น้ำตกฟุคุโรดะแห่งนี้รายล้อมไปด้วยแมกไม้ต่างๆ อย่างต้นคาเอเดะ (ต้นเมเปิล) และต้นคุนุกิ (ต้นโอ๊ก) ในช่วงต้นถึงกลางเดือนพฤศจิกายน ใบไม้เปลี่ยนสีจะย้อมพื้นที่รอบๆ น้ำตกให้เป็นสีแดงสดและสีเหลือง มีจุดชมวิวแห่งที่ 1 กับจุดชมวิวแห่งที่ 2 ซึ่งมี 3 ชั้น ทิวทัศน์แต่ละจุดจะต่างกัน ทิวทัศน์จากสะพานแขวนใต้น้ำตกก็งดงามน่าประทับใจไม่แพ้กันนะ

ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีรวมทั้งก่อนและหลัง จะมีการประดับไฟไลท์อัพที่น้ำตก และการประดับไฟอิลูมิเนชั่นสุดพิเศษภายในอุโมงค์ที่เดินไปสู่น้ำตก ก็เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ห้ามพลาดเช่นกัน

ข้อมูล

น้ำตกฟุคุโรดะ

น้ำตกฟุคุโรดะ

น้ำตกฟุคุโรดะเป็น 1 ใน 3 น้ำตกที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น น้ำตกจะไหลผ่านหน้าผาขนาดใหญ่ซึ่งเป็นชั้นหินไล่ระดับลงมา 4 ชั้น ทำให้น้ำตกนี้มีอีกชื่อหนึ่งว่า "โยโดะ โนะ ทากิ (Yodo no Taki)" ที่แปลว่า "น้ำตก 4 ชั้น"
มีจุดชมวิวที่เห็นน้ำตกอย่างใกล้ชิด และเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันสวยงามในแต่ละฤดูกาลได้ด้วย

ดูบทความเพิ่ม

4. วัดเออิเก็นจิซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อวัดโมมิจิหรือวัดเมเปิล (ตอนเหนือของจังหวัด)

นอกจากน้ำตกฟุคุโรดะแล้ว วัดเออิเก็นจิ (Eigen-ji Temple) ยังเป็นที่รู้จักในฐานะจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีอีกแห่งหนึ่งในเมืองไดโกะ

วัดแห่งนี้อยู่ใกล้กับสถานี JR ฮิตาจิไดโกะ (JR Hitachi Daigo) สร้างเมื่อปี 1446 เป็นที่สักการะเบ็นไซเท็น เทพเจ้าแห่งศิลปะการแสดงและดนตรี ซึ่งเป็น 1 ใน 7 เทพเจ้าแห่งโชคลาภ

ราว 25 ปีที่แล้ว ผู้คนในสังกัดวัดแห่งนี้และคนในท้องถิ่นเริ่มปลูกต้นคาเอเดะ (ต้นเมเปิล) ที่วัดเออิเก็นจิเพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์ของวัด นับแต่นั้นมา เมื่อเข้าสู่ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนถึงกลางเดือนพฤศจิกายน ทั่วบริเวณวัดจะปกคลุมไปด้วยใบเมเปิลสีแดงและสีเหลือง ทำให้วัดแห่งนี้ได้รับการเรียกขานว่า “โมมิจิเดระ” ซึ่งแปลว่า “วัดแห่งใบไม้เปลี่ยนสี”

ทั่วบริเวณวัดสามารถถ่ายรูปใบไม้เปลี่ยนสีร่วมกับพระพุทธรูป เจดีย์ โบสถ์ และอื่นๆ ได้

ที่ไดโกะมาจิ นอกจากน้ำตกฟุคุโรดะและวัดเออิเก็นจิแล้ว ยังมีจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีอีกหลายแห่งที่ควรค่าแก่การตระเวนเที่ยวชม เช่น น้ำตกทสึกิมาจิ (Tsukimachi no Taki หรือ Tsukimachi Falls) ที่สามารถเข้าไปด้านหลังน้ำตกได้, วัดโคโตคุจิ (Kotoku-ji Temple) ที่มีแปะก๊วยใบสีเหลืองสวย รวมทั้งเขายามิโซะ (Mt. Yamizo) และเขานันไต (Mt. Nantai) ที่สามารถเดินป่าชมใบไม้เปลี่ยนสีได้

5. หุบเขาฮานานุกิ (ตอนเหนือของจังหวัด)

หุบเขาฮานานุกิ (Hananuki Gorge) เป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีชื่อดังอีกแห่ง ใช้เวลาขับรถจากน้ำตกฟุคุโรดะราว 40 นาที

จุดถ่ายรูปสวยไว้ไปอวดในอินสตาแกรมชื่อดังของที่นี่ก็คือสะพานแขวนข้ามน้ำตกชิโอมิ (Shiomitaki Suspension Bridge) ที่ยาวราว 60 เมตร เสน่ห์ของสะพานนี้ต่างจากกรณีของสะพานแขวนริวจินที่แนะนำไปข้างต้นที่มีทิวทัศน์งดงามเหมือนลอยอยู่กลางภูเขา เนื่องจากสะพานแขวนข้ามน้ำตกชิโอมิมีขนาดเล็กกว่า ทำให้สามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่ใบไม้เปลี่ยนสีที่โอบล้อมตัวสะพานแขวนไว้

บริเวณนี้มีทางเดินเล่นจากเขื่อนฮานานุกิ (Hananuki dam) → บึงนาเมกะฟุจิ (Nameriga-Fuchi) → หุบเขาฮานานุกิ (Hananuki Gorge) → ที่ตั้งแคมป์โคตาคิซาวะ (Kotakizawa Camp Site) เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง สามารถเพลิดเพลินกับการเดินป่าท่ามกลางใบไม้เปลี่ยนสีและธรรมชาติอันงดงามได้ นอกจากนี้ยังมีเส้นทางเดินเล่นสั้นๆ ที่สะดวกสบายรอบหุบเขาฮานานุกิให้ได้เดินป่ากันแบบเบาๆ ด้วย

ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายนถึงปลายเดือนพฤศจิกายน จะมีการประดับไฟไลท์อัพ และการจัดงาน “เทศกาลใบไม้เปลี่ยนสี” ที่มีแผงขายอาหารเรียงรายเต็มลานจอดรถที่อยู่ใกล้ๆ ด้วย

ข้อมูล

หุบเขาฮานานุกิ

หุบเขาฮานานุกิ

หุบเขาฮานานุกิมีภูมิทัศน์งดงามทอดยาวตั้งแต่เขื่อนฮานานุกิ (Hananuki dam) จนถึงบึงนาเมกะฟุจิ (Nameriga-Fuchi) และที่ตั้งแคมป์โอตาจิซาวะ (Kotachizawa Camp Site) ที่นี่ยังมีเส้นทางให้เดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจ รวมถึงเส้นทางปีนเขาด้วย
ทิวทัศน์ที่มองจากจุดชมวิวบนสะพานแขวนข้ามน้ำตกชิโอมิ (Shiomi Falls) ที่ทอดผ่านหุบเขานั้นงดงามตระการตามาก โดยเฉพาะใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง กิ่งไม้ที่ยื่นลงไปในแม่น้ำทอดยาวตลอดทั้งสองฝั่งคล้ายอุโมงค์ช่างสวยงามจนหาที่เปรียบไม่ได้

ดูบทความเพิ่ม

6. เขาทสึคุบะ (ตอนใต้ของจังหวัด)

เขาทสึคุบะ (Mt. Tsukuba) เป็นอีกหนึ่งในที่เที่ยวสุดฮิตของจังหวัดอิบารากิ สามารถเพลิดเพลินกับพืชพรรณต่างๆ มากกว่า 1,000 สายพันธุ์ได้ตลอดทั้งปี ในฤดูใบไม้ร่วงยังสามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีของต้นแปะก๊วยและต้นโมมิจิ (ต้นเมเปิล) ด้วย

อย่าพลาดการนั่งโรป์เวย์หรือเคเบิลคาร์ชมวิวสวยๆ กันนะ โดยเฉพาะช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนธันวาคมจะมีการจัดเทศกาล Mt.Tsukuba Momiji (Maple Leaf) Festival ซึ่งจะมีการประดับไฟไลท์อัพใบไม้เปลี่ยนสีบริเวณสถานีเคเบิลคาร์มิยาวากิ (CABLE CAR Miyawaki Station) และ Tsukubasan Cable Car Night Cruising ในวันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ นอกจากนี้ทุกปีในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนพฤศจิกายนซึ่งเป็นช่วงน่าชมใบไม้เปลี่ยนสีมากที่สุดยังจัดในวันธรรมดาด้วย

อีกหนึ่งกิจกรรมสุดฮิตในช่วงฤดูใบไม้ร่วงถึงฤดูหนาว คือ Ropeway Stardust Cruising ชมทิวทัศน์ยามราตรีจากเขาทสึคุบะ ซึ่งจัดในวันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์

ขอแนะนำให้แวะศาลเจ้าทสึคุบะซัง (Tsukubasan Shrine) บนเขาทสึคุบะด้วย ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ใบแปะก๊วยในบริเวณศาลเจ้าจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสวยงาม ใกล้กับศาลเจ้าทสึคุบะยังมีสถานที่หลายแห่งให้สนุกเพลิดเพลินกับออนเซ็นแบบไปเช้าเย็นกลับ ซึ่งช่วยผ่อนคลายร่างกายที่เหนื่อยล้าด้วย

ข้อมูล

เขาทสึคุบะ

เขาทสึคุบะ

ตั้งแต่สมัยก่อนมักกล่าวกันว่า ภูเขาไฟฟูจิเป็นสัญลักษณ์ของญี่ปุ่นตะวันตก เขาทสึคุบะเป็นสัญลักษณ์ของญี่ปุ่นตะวันออก และเนื่องจากสามารถมองเห็นภูเขาเป็นสีม่วงงดงามตามธรรมชาติทั้งตอนเช้าและตอนเย็น จึงมีอีกชื่อว่า “ภูเขาสีม่วง”
เขาสึกุบะมียอดเขาแฝดที่เป็นสัญลักษณ์ของอิบารากิ เรียกว่า เนียวไต (ยอดเขาผู้หญิง) และ นันไต (ยอดเขาผู้ชาย) ที่ความสูง 877 เมตร ยอดเขาเนียวไตซึ่งเป็นยอดเขาผู้หญิงจะสูงกว่า เขาทสึคุบะมีพืชพันธุ์และสัตว์ต่างๆ มากกว่า 1,000 ชนิด! ใช้เวลาเดินทางจากโตเกียวไปไม่ถึง 2 ชั่วโมง จึงเหมาะเป็นสถานที่หลีกหนีความวุ่นวายในเมืองไปสัมผัสกับธรรมชาติที่สวยงามได้ง่าย โดยใช้รถเคเบิลคาร์

ดูบทความเพิ่ม

7. โมมิจิดานิในสวนไคราคุเอน (ตอนกลางของจังหวัด)

สวนไคราคุเอน (Kairakuen Garden) อยู่ในเมืองมิโตะ (Mito) ซึ่งเป็นที่ตั้งศาลาว่าการจังหวัดอิบารากิ โด่งดังในฐานะสวนที่เป็น 1 ใน 3 สวนที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น สามารถชมพืชพรรณนานาชนิดในสวนอย่างต้นบ๊วย

ฝั่งตะวันตกของสวนไคราคุเอน มีพื้นที่ที่เรียกว่า โมมิจิดานิ (Momiji-Dani) ซึ่งในฤดูใบไม้ร่วง ทิวทัศน์ใบไม้เปลี่ยนสีของต้นโมมิจิและต้นคาเอเดะราว 170 ต้นนั้นงดงามมากๆ ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนถึงกลางเดือนพฤศจิกายน ยังมีการประดับไฟไลท์อัพ ทำให้ทิวทัศน์ยามราตรีนัันงดงามวิจิตรเหมือนความฝัน

ทางเดินเล่นรอบๆ ทะเลสาบเซ็นบะ (Lake Senba) ซึ่งอยู่ติดกับสวนไคราคุเอน ก็เป็นที่เที่ยวแนะนำสำหรับการมาเดินเล่นชมใบไม้เปลี่ยนสีของต้นซากุระในฤดูใบไม้ร่วง

ข้อมูล

สวนไคราคุเอน

สวนไคราคุเอน

สวนไคราคุเอนเป็น "1 ใน 3 สวนที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น" ซึ่งอีก 2 แห่งคือสวนเคนโระคุเอนที่จังหวัดคานาซาวะ และสวนโคราคุเอนที่จังหวัดโอคายามะ สวนแห่งนี้เปิดให้ประชาชนมาพักผ่อนหย่อนใจเมื่อปี 1842 โดยนาริอาคิ โทคุกาวะ ไดเมียวที่ 9 ในตระกูลมิโตะ
สวนไคราคุเอนได้ปลูกต้นบ๊วย 100 สายพันธุ์ราว 3,000 ต้น ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงการมาเยือนของฤดูใบไม้ผลิ ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ – 31 มีนาคม สามารถชม “เทศกาลดอกบ๊วย” แล้วต่อด้วยดอกซากุระและดอกสึสึจิหรือดอกอาซาเลียในฤดูใบไม้ผลิ ดอกฮางิ (ไม้พุ่มชนิดหนึ่ง) ในฤดูใบไม้ร่วง ส่วนต้นฤดูหนาวก็ได้ชมดอกนิคิซาคิซากุระ (ซากุระที่ผลิบานใน 2 ฤดู) ทำให้สวนแห่งนี้ดูสวยงามตลอดทั้งปี

ดูบทความเพิ่ม

8. พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ประจำจังหวัดอิบารากิ (ตอนกลางของจังหวัด)

ในญี่ปุ่นมีจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีชื่อดังหลายแห่งที่จะได้ชมต้นคาเอเดะและต้นโมมิจิที่มีใบสีแดง-สีเหลืองสวยงาม แต่ก็ยังมีจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีสุดฮิตที่มีแนวต้นแปะก๊วยใบสีเหลืองทอง และการประดับไฟไลท์อัพในยามค่ำคืนด้วย หนึ่งในนั้นคือพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ประจำจังหวัดอิบารากิ (Ibaraki Prefectural Archives and Museum) ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดอิบารากิแห่งนี้

พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ประจำจังหวัดอิบารากิมีอาคารทางประวัติศาสตร์หลายหลัง เช่น อาคารหลักของโรงเรียนประถมศึกษามิตสึไคโดเก่า (Former Mitsukaido Elementary School) ซึ่งสร้างเมื่อปี 1881 และคฤหาสน์เก่าของตระกูลโมเตกิ (Former Moteki Family Residence) ซึ่งว่ากันว่าสร้างในช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 18 ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ยังอยู่ติดกับสวนไคราคุเอน สามารถมาเที่ยว 2 แห่งพร้อมกันได้เลย

ในบริเวณพิพิธภัณฑ์มีแนวต้นแปะก๊วยยาวราว 100 เมตร ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนถึงกลางเดือนพฤศจิกายนซึ่งเป็นช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยน่าชมที่สุด ใบแปะก๊วยที่ร่วงจะปกคลุมทั่วทั้งบริเวณจนดูเหมือนพรมสีเหลืองทองอร่าม

ในช่วงนี้ นอกจากจะมีการประดับไฟไลท์อัพ ยังสามารถเพลิดเพลินกับการประดับโคมไฟและอุปกรณ์ให้ความสว่างแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น รวมถึงการฉายโปรเจคชั่นแมปปิ้ง (Projection Mapping: เทคนิคการฉายภาพเคลื่อนไหวลงบนอาคารหรือพื้นผิวต่างๆ)

ข้อมูล

พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ประจำจังหวัดอิบารากิ

พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ประจำจังหวัดอิบารากิ

พิพิธภัณฑ์ที่สามารถสัมผัสประวัติศาสตร์ของจังหวัดอิบารากิ และเพลิดเพลินกับความงามของสวนได้ทั้ง 4 ฤดูกาล
ก่อตั้งในปี 1974 และยังเป็นหอจดหมายเหตุที่เก็บรวบรวมข้อมูลประวัติศาสตร์ของจังหวัดอิบารากิ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ตั้งอยูบนพื้นที่ขนาดใหญ่ 72,000 ตร.ม. มีบ้านเรือนสมัยเอโดะ (ปี 1603 - 1868) และอาคารเรียนสไตล์ตะวันตกในสมัยเมจิ (ปี 1868 - 1912)
และยังเป็นสถานที่ชมต้นแปะก๊วยสีเหลืองสดใสในฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งเป็นไฮไลต์หนึ่งในฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่น

ดูบทความเพิ่ม

เพลิดเพลินกับฤดูใบไม้ร่วงในญี่ปุ่นที่อิบารากิ ชมใบไม้เปลี่ยนสีอันงดงามและลิ้มรสของอร่อยกัน

มนต์เสน่ห์ของฤดูใบไม้ร่วงในญี่ปุ่น ไม่ได้มีแค่ใบไม้เปลี่ยนสี ที่อิบารากิยังมีของอร่อยๆ ชื่อดังประจำท้องถิ่นมากมาย เช่น ฮิตาจิอะกิโซบะ, โฮชิอิโมะ (มันเทศตากแห้ง) และผลไม้ต่างๆ ตามฤดูกาล อย่างเกาลัด ลูกพลับ ลูกแพร์ และแอปเปิล เรียกได้ว่าสามารถดื่มด่ำมนต์เสน่ห์ของฤดูใบไม้ร่วงในญี่ปุ่นที่อิบารากิได้ทั้งทางตาและทางปากแบบจุใจกันเลย

 

สามารถอ่านบทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้ที่ด้านล่าง