9 ทิวทัศน์งดงามมีเสน่ห์ของอิบารากิ และสถานที่อันซีนที่รู้กันเฉพาะคนที่รู้จักเท่านั้น!

ธรรมชาติ

9 ทิวทัศน์งดงามมีเสน่ห์ของอิบารากิ และสถานที่อันซีนที่รู้กันเฉพาะคนที่รู้จักเท่านั้น!

จังหวัดอิบารากิเดินทางจากกลางกรุงโตเกียวโดยรถยนต์ได้ไม่ถึง 2 ชั่วโมง เพราะที่นี่มีทะเล ภูเขา และมีวัตถุดิบที่สดใหม่ จึงได้รับการเรียกขานกันว่า "ครัวแห่งคันโต"
นอกจากนี้ยังมีทิวทัศน์งดงามมีเสน่ห์ที่เกิดจากธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์มากมาย เรียกว่าเป็น "ขุมทรัพย์แห่งทัศนียภาพอันงดงามของภูมิภาคคันโต" ก็ไม่เกินจริง สำหรับผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติและการถ่ายภาพ เราได้คัดสรรทัศนียภาพอันงดงามของอิบารากิมาให้ชื่นชมกัน!

1. ฤดูใบไม้ผลิ: เทศกาลบ๊วยที่สวนไคราคุเอน (Kairakuen Garden)

สวนไคราคุเอนเป็นสวนที่สร้างเสร็จเมื่อปี 1842 โดยคำสั่งของโทคุกาวะ นาริอาคิ ไดเมียวที่ 9 ในตระกูลมิโตะ และได้รับเลือกเป็น 1 ใน “3 สวนสวยที่สุดในญี่ปุ่น” ซึ่งอีก 2 แห่ง ได้แก่ สวนเคนโรคุเอน (Kenrokuen Garden) ในจังหวัดคานาซาวะ (Kanazawa) และสวนโคราคุเอน (Korakuen Garden) ในจังหวัดโอคายามะ (Okayama)

ภายในสวนปลูกต้นบ๊วย 100 สายพันธุ์ ราว 3000 ต้น ที่จะออกดอกผลิบานทีละต้นๆ ในต้นฤดูใบไม้ผลิ กลิ่นหอมของดอกบ๊วยจะบ่งบอกถึงการมาเยือนของฤดูใบไม้ผลิ

ทุกๆ ปีมีการจัด “เทศกาลดอกบ๊วยของมิโตะ” ในช่วงดอกบ๊วยบาน สามารถไปเพลิดเพลินกับศิลปะการแสดงพื้นบ้านและการประดับไฟไลท์อัพในยามค่ำคืน

ดอกบ๊วยที่เบ่งบานท่ามกลางแสงไฟมีบรรยากาศที่ต่างจากในช่วงกลางวัน ดังนั้น อย่าพลาดไปชมกันนะ! ในช่วงเวลานี้ยังมีการแสดงดอกไม้ไฟ จึงสามารถเพลิดเพลินความงามของดอกบ๊วยผสานกับดอกไม้ไฟได้ด้วยนะ

ข้อมูล

เทศกาลชมดอกบ๊วยเมืองมิโตะ

เทศกาลชมดอกบ๊วยเมืองมิโตะ

เทศกาลชมดอกบ๊วยเมืองมิโตะเริ่มขึ้นในปี ค.ศ.1896 (ปีเมจิ 29) เมื่อทางรถไฟสายมิโตะ-อุเอโนะ เปิดให้บริการ และการนั่งรถไฟชมดอกบ๊วยก็เริ่มให้บริการ โดยจะมีการจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ในช่วงที่ดอกบ๊วยบานสะพร…

ดูบทความเพิ่ม

2. ฤดูใบไม้ผลิ: ฮิตาจิ ซีไซด์ ปาร์ค (Hitachi Seaside Park)

Hitachi Seaside Park โอบล้อมด้วยดอกไม้และธรรมชาติเขียวขจี มีพื้นที่กว้างใหญ่แบ่งออกเป็นโซนต่างๆ อย่างเนินมิฮาราชิ (Miharashi no Oka) ที่ขึ้นชื่อ

เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ดอกเนโมฟีลา 5.3 ล้านต้นจะย้อมเนินเขาเป็นสีน้ำเงิน ทำให้รู้สึกตื่นตาตื่นใจราวกับอยู่ในโลกแห่งความฝันที่ท้องฟ้าและสีฟ้าของดอกเนโมฟีลาหลอมรวมเข้าด้วยกัน!

ยังมีทิวทัศน์อันแสนโรแมนติกที่ทักทอขึ้นจากสีเหลืองของดอกนาโนะฮานะกับสีน้ำเงินของดอกเนโมฟีลา เป็นภาพที่สามารถเห็นได้แค่ที่ Hitachi Seaside Park เท่านั้น

ในฤดูใบไม้ร่วง ดอกโคเชียจะย้อมทั้งเนินเป็นสีแดงสด สีแดงของดอกไม้ที่ตัดกับท้องฟ้าสีครามสดใสสวยน่าไปชมยิ่งนัก

ข้อมูล

ฮิตาจิ ซีไซด์ ปาร์ค (Hitachi Seaside Park)

ฮิตาจิ ซีไซด์ ปาร์ค (Hitachi Seaside Park)

ฮิตาจิ ซีไซด์ ปาร์คเป็นสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ มีพื้นที่ประมาณ 190 เฮกตาร์ ภายในสวนมีทุ่งดอกไม้ตามฤดูกาลหลากหลายสายพันธุ์ที่ออกดอกหมุนเวียนให้ชมตลอดปี ในฤดูใบไม้ผลิจะได้ชมทุ่งดอกนาร์ซิสซัส และดอกทิวลิป เมื…

ดูบทความเพิ่ม

3. ฤดูร้อน: สะพานแขวนริวจิน (Ryujin Big Suspension Bridge)

สะพานแขวนริวจินอยู่ในอุทยานธรรมชาติประจำจังหวัดโอคุคุจิ (Okukuji Prefectural Natural Park) เป็นสะพานแขวนสำหรับคนเดินข้ามที่ยาวที่สุดบนเกาะฮอนชู ยาวทั้งสิ้น 375 เมตร อยู่สูงจากผิวทะเลสาบราว 100 เมตร ปัจจุบันเป็นที่รู้กันว่าสามารถมากระโดดบันจี้จัมพ์ได้

ทุกเดือนพฤษภาคมยังมีการจัดงาน “เทศกาลประดับธงปลาคาร์พ สะพานแขวนริวจิน (Ryujinkyo Koinobori Festival)” ที่มีธงปลาคาร์พกว่า 1,000 ตัวแหวกว่ายกลางอากาศ ธงปลาคาร์พหลากสีสันกว่า 1,000 ตัวแหวกว่ายไปมาในหุบเขาริวจิน (Ryujin Gorge) สีเขียวขจี ดูโดดเด่นกลางท้องฟ้าสีครามในต้นฤดูร้อน ถือเป็นงานประดับธงปลาคาร์พที่ยิ่งใหญ่ตระการตาที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น

ข้อมูล

สะพานแขวนริวจิน

สะพานแขวนริวจิน

สะพานแขวนริวจินอตั้งตระหง่านเหนือเขื่อนริวจิน (Ryujin Dam) โดยน้ำจากเขื่อนไหลผ่านหุบเขารูปตัววีที่งดงาม สะพานยาวทั้งสิ้น 375 เมตร เป็นสะพานแขวนสำหรับคนเดินข้ามที่ยาวที่สุดในเกาะฮอนชูของญี่ปุ่น จากสะพ…

ดูบทความเพิ่ม

4. ฤดูร้อน: วัดอามาบิกิคันนง (Amabiki Kannon Temple)

ว่ากันว่า วัดอามาบิกิคันนงเป็นวัดที่ขอพรให้คลอดลูกอย่างปลอดภัย

ในบริเวณวัดปลูกดอกไม้มากมายหลากชนิด ไฮไลต์อยู่ที่การชมดอกไม้ตามฤดูกาล เช่น ดอกซากุระ ดอกสึสึจิ (ดอกอาซาเลีย) และดอกโบตั๋น แต่ที่ห้ามพลาดเลยคือทะเลของดอกอาจิไซ (ไฮเดรนเยีย) 100 สายพันธุ์ ราว 5,000 ต้น

ทางเดินในบริเวณวัดก็มีดอกอาจิไซบานสะพรั่ง ที่วัดยังมีการแต่งแต้มสีสันด้วยการใส่ดอกอาจิไซในสระน้ำด้วย เราสามารถชมภาพของดอกอาจิไซหลากสีสันที่ลอยอยู่ในสระน้ำที่สวยงามนี้ได้เฉพาะที่นี่ที่เดียวเท่านั้น ยามค่ำคืนยังมีการประดับไฟไลท์อัพงดงามก็ไม่ควรพลาดเช่นกันด้วย!

ข้อมูล

วัดอามาบิกิคันนง

วัดอามาบิกิคันนง

วัดแห่งนี้สักการะคันนงหรือกวนอิม ซึ่งเป็นเทพผู้ประทานพรให้คลอดลูกอย่างปลอดภัย แข็งแรง เติบโตอย่างมีความสุข และว่านอนสอนง่าย ช่วงต้นเดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนกรกฎาคม (ฤดูฝน) ภายในวัดจะงดงามไปด้วยดอกไ…

ดูบทความเพิ่ม

5. ฤดูใบไม้ร่วง: หุบเขาฮานานุกิ (Hananuki Gorge)

มีสะพานแขวนไม้ยาว 60 เมตรพาดผ่านเหนือซอกของหุบเขาฮานานุกิ ต้นไม้ต่างๆ ในหุบเขาแผ่กิ่งก้านล้อมรอบสะพานแขวนจนเป็นเหมือนอุโมงค์ธรรมชาติ

เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้ของต้นไม้ต่างๆ ในหุบเขาจะเปลี่ยนสี ทำให้อุโมงค์กลายเป็นสีแดงสด! ปัจจุบันพื้นที่รอบๆ บริเวณนี้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากขึ้น จากการที่ได้เป็นสถานที่ถ่ายทำละครช่วงเช้าเรื่อง Hiyokko (ซีรี่ย์ที่ออกอากาศต่อเนื่องทางโทรทัศน์ในญี่ปุ่น)

ทิวทัศน์บนสะพานและจากหุบเขานั้นสุดยอดมาก มีเส้นทางเดินป่าในบริเวณใกล้ๆ ทำให้สามารถดื่มด่ำกับทิวทัศน์ในฤดูใบไม้ร่วงขณะเดินเล่นได้

ข้อมูล

หุบเขาฮานานุกิ

หุบเขาฮานานุกิ

หุบเขาฮานานุกิมีภูมิทัศน์งดงามทอดยาวตั้งแต่เขื่อนฮานานุกิ (Hananuki dam) จนถึงบึงนาเมกะฟุจิ (Nameriga-Fuchi) และที่ตั้งแคมป์โอตาจิซาวะ (Kotachizawa Camp Site) ที่นี่ยังมีเส้นทางให้เดินเล่นพักผ่อนหย่อ…

ดูบทความเพิ่ม

6. ฤดูหนาว: น้ำตกฟุคุโรดะ (Fukuroda Falls)

น้ำตกฟุคุโรดะได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 3 น้ำตกที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น เป็นน้ำตกขนาดใหญ่กว้าง 73 เมตร ความสูง 120 เมตร น้ำที่ไหลจากน้ำตกสูง 4 ชั้นสู่แอ่งน้ำตกด้านล่างอย่างรุนแรงดูทรงพลัง

เส้นทางไปน้ำตกมีจุดพักเหนื่อยหลายแห่ง สามารถพักชมทิวทัศน์ของน้ำตกจากมุมต่างๆ ในฤดูหนาวหากสภาพอากาศเหมาะสมน้ำตกจะกลายเป็นน้ำแข็ง เป็นภาพหาชมได้ยากที่ห้ามพลาดอย่างเด็ดขาด

ข้อมูล

น้ำตกฟุคุโรดะ

น้ำตกฟุคุโรดะ

น้ำตกฟุคุโรดะเป็น 1 ใน 3 น้ำตกที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น น้ำตกจะไหลผ่านหน้าผาขนาดใหญ่ซึ่งเป็นชั้นหินไล่ระดับลงมา 4 ชั้น ทำให้น้ำตกนี้มีอีกชื่อหนึ่งว่า "โยโดะ โนะ ทากิ (Yodo no Taki)" ที่แปลว่า "น…

ดูบทความเพิ่ม

ทิวทัศน์สุดตระการตาที่อยากเห็นสักครั้งในชีวิต

ขอแนะนำ 3 ทิวทัศน์สุดตระการตาของอิบารากิที่ได้รับความสนใจมากที่สุดบนอินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน ได้แก่

งานแข่งขันประกวดดอกไม้ไฟแห่งชาติทสึจิอุระ (Tsuchiura All Japan Fireworks Competition)

จังหวัดอิบารากิมีสถานที่หลายแห่งที่ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน “3 (สิ่ง) ที่สุดในญี่ปุ่น” งานแข่งขันประกวดดอกไม้ไฟแห่งชาติทสึจิอุระก็เป็น 1 ใน “3 งานแข่งขันประกวดดอกไม้ไฟที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น”

งานแข่งขันนี้เริ่มต้นเมื่อปี 1925 (ปีไทโชที่ 14) ว่ากันว่า งานแข่งขันในสมัยนั้นได้แฝงความหมายต่างๆ ไว้ เช่น การไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตในการต่อสู้ทางอากาศ การฟื้นฟูจากภัยพิบัติแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในคันโต และการแสดงความขอบคุณต่อการเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วง

ปัจจุบันเป็นสถานที่ซึ่งช่างทำดอกไม้ไฟทั่วญี่ปุ่นมาแข่งขันทักษะของตนกัน

ใน 3 งานแข่งขันประกวดดอกไม้ไฟที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น งานแข่งขันประกวดดอกไม้ไฟแห่งชาติทสึจิอุระถือเป็นงานที่มีขนาดใหญ่ซึ่งมีบริษัทเข้าร่วมมากที่สุด ทำให้สามารถเพลิดเพลินกับดอกไม้ไฟที่เต็มไปด้วยเทคนิคและความคิดสร้างสรรค์ที่ทันสมัย ดอกไม้ไฟแบบ Starmine เป็นการยิงดอกไม้ไฟหลากสีสันอย่างต่อเนื่องกันติดๆ กัน เหมือนการระบายสีบนผืนผ้าใบ ทำให้ดูคล้ายภาพกลุ่มดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืนสีดำสนิท

อ่านรายละเอียดของงานได้ที่เว็บไซต์ทางการ (ภาษาอังกฤษ)

ข้อมูล

งานแข่งขันประกวดดอกไม้ไฟแห่งชาติ ทสึจิอุระ

งานแข่งขันประกวดดอกไม้ไฟแห่งชาติ ทสึจิอุระ

การแสดงดอกไม้ไฟนี้เริ่มขึ้นครั้งแรกในปี 1925 เพื่อรำลึกถึงสมาชิกกองทัพเรือ Kasumigaura ในสงครามโลกครั้งที่ 1 และเพื่อเป็นการส่งเสริมท้องถิ่น ในปี 1947 ได้เปลี่ยนเป็น "งานแข่งขันประกวดดอกไม้ไฟ" มีผู้…

ดูบทความเพิ่ม

“เสาคามิอิโซะโนะโทริอิ” ที่ศาลเจ้าโออาไร อิโซซาคิ (Oarai Isosaki shrine)

ทั่วประเทศญี่ปุ่นมีเสาโทริอิที่สร้างขึ้นในทะเลสาบและทะเลมากมาย แต่หายากที่จะพบเสาโทริอิที่ยิ่งใหญ่อลังการเท่าเสาคามิอิโซะโนะโทริอิที่ศาลเจ้าโออาไร อิโซซาคิ

ว่ากันว่า เสาโทริอิที่ตั้งอยู่บนโขดหินนี้เป็นสถานที่ซึ่งเทพเจ้าโอนามุจิโนะมิโคโตะและเทพเจ้าซุคุนาฮิโคนะโนะมิโคโตะ เทพเจ้าของศาลเจ้าแห่งนี้เสด็จลงมา คลื่นสีขาวกระทบโขดหินทำให้เสาโทริอิดูแข็งแกร่งยิ่ง

ชายฝั่งโออาไร (Oarai Coast) หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ทำให้ที่นี่เป็นสถานชมพระอาทิตย์ขึ้นชื่อดังด้วย เมื่อพระอาทิตย์ค่อยๆ ขึ้นจากผิวทะเลอย่างช้าๆ แสงอาทิตย์ที่กระทบผิวน้ำทะเลส่องประกายสีทองดูราวกับว่าเทพเจ้าเสด็จลงมาที่เสาโทริอิแห่งนี้

ลองไปเที่ยวชมทัศนียภาพอันศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยชำระล้างร่างกายและจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์สักครั้งในชีวิตกัน

ข้อมูล

ศาลเจ้าโออาไร อิโซซาคิ (Oarai Isosaki Shrine)

ศาลเจ้าโออาไร อิโซซาคิ (Oarai Isosaki Shrine)

ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่บูชาเทพเจ้าโอนามุจิโนะมิโคโตะ และเทพเจ้าซุคุนะฮิโคะนะโนะมิโคโตะ เทพ 2 องค์ที่สร้างความมั่งคั่งให้กับประเทศ ทั้งในด้านการเกษตร อุตสาหกรรม และการแพทย์ จึงมีผู้คนนับถือเทพ 2 องค์นี้…

ดูบทความเพิ่ม

สถานีฮิตาจิ (Hitachi Station)

พื้นที่รอบๆ สถานีฮิตาชิก็เป็นสถานชมพระอาทิตย์ขึ้นชื่อดังเช่นเดียวกับชายฝั่งโออาไร ความงามนี้ได้รับการยกย่องจากโทคุกาวะ มิตสึคุนิ ไดเมียว (ผู้ปกครองแคว้น) คนที่ 2 ของแคว้นมิโตะ ซึ่งกลายเป็นที่มาของชื่อ “ฮิตาจิ” นี้

อาคารสถานีปัจจุบันได้รับการออกแบบโดยเซจิมะ คาซึโยะ สถาปนิกชื่อดัง ด้วยการใช้กระจกเป็นส่วนใหญ่ ทำให้สามารถเพลิดเพลินกับวิวทะเลจากทุกทิศทาง

อาคารสถานีที่ดูเหมือนกล่องแก้วเปรียบเสมือนเวทีพิเศษที่สะท้อนภาพของทะเลและท้องฟ้า ทำให้สามารถชื่นชมทัศนียภาพอันงดงามของพระอาทิตย์ขึ้น รวมถึงทิวทัศน์อันตระการตาที่รายล้อมด้วยทะเลสีฟ้า เมื่อมาเยือนที่นี่ในตอนกลางวันได้ด้วย

บทส่งท้าย

จังหวัดอิบารากิใช้เวลาเดินทางจากโตเกียวโดยรถไฟหรือรถยนต์เพียงแค่ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น จึงเหมาะกับการท่องเที่ยวที่ต้องการหลีกหนีจากความเร่งรีบและความวุ่นวายในเมือง ลองพกกล้องแล้วไปเที่ยวชมอิบารากิ ขุมทรัพย์แห่งทัศนียภาพอันตระการตากัน
นี่เป็นโอกาสของคุณที่จะค้นพบความงดงามและทิวทัศน์ของธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ในสี่ฤดูกาล!