Visit

ฮิโรเซะโชเท็น (Hirose Shoten)

ฮิโรเซะโชเท็นเป็นโรงผลิตสาเกที่ก่อตั้งเมื่อปี 1805 ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโคอิเซะ (Koise River) เนื่องจากอยู่ในพื้นที่เย็นสบายเหมาะกับทำสาเกและมีน้ำใต้ดินอุดมสมบูรณ์ซึ่งมาจากระบบทสึคุบะซันซุย จึงสามารถผลิตได้ทั้งสาเก เหล้าบ๊วย และริคิวรุ (เหล้าประเภทหนึ่งที่เติมกลิ่นและน้ำตาล) ด้วย โดยเฉพาะ Shiragiku (ชิรากิคุ) แบรนด์ชั้นนำ ซึ่งใช้ข้าวที่ปลูกโดยเกษตรกรคู่สัญญาในจังหวัดอิบารากินั้น เหมาะซื้อไปเป็นของฝากมาก
นอกจากนี้ยังสามารถทัวร์ชมโรงผลิตสาเกได้ โดยจองล่วงหน้าทางโทรศัพท์

สวนฟูจิมิซึกะโคฟุน (Fujimizuka Kofun Park)

สวนฟูจิมิซึกะโคฟุนตั้งอยู่บนเนินเขาที่มองเห็นทะเลสาบคาซุมิกาอุระ สวนแห่งนี้มีเนินสุสานหลายแห่งซึ่งส่วนใหญ่สร้างขึ้นช่วงศตวรรษที่ 3 - 7 ในยุคโคฟุน ใจกลางสวนมีสุสานใหญ่ที่สุดเป็นสุสานรูปรูกุญแจ (*) ซึ่งสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 6 มีความยาวรวม 78 เมตร ซึ่งเป็นสุสานที่มีขนาดใหญ่อันดับต้นๆ ของจังหวัด จากด้านบนของสุสานสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ตามชื่อของสวนแห่งนี้ ที่ห้องนิทรรศการเชิงเขามีฮานิวะรูปบ้าน (*) และฮานิวะทรงกระบอกที่ขุดพบจากเนินฝังศพในบริเวณนี้ ตลอดจนฮานิวะหายากจากทั่วญี่ปุ่น และบอร์ดอธิบายเรื่องราวการค้นพบ
อยู่ใกล้กับเส้นทางจักรยานแห่งชาติ Tsukuba Kasumigaura Ring Ring Road เป็นจุดแวะพักแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น

* สุสานรูปรูกุญแจ: ส่วนที่ยื่นออกมาเป็นรูปสี่เหลี่ยมเชื่อมต่อกับเนินหลักทรงกลม ทำให้เกิดเนินแฝดรูปทรงรูกุญแจ เป็นสุสานของผู้มีอำนาจในยุคโคฟุน
* ฮานิวะ: เครื่องปั้นดินเผาไม่เคลือบที่มีรูปร่างคล้ายคนหรือบ้าน ใช้เป็นของประกอบพิธีศพในสุสานโบราณ

สวนอายุซากิ (Ayumizaki Park)

สวนอายุซากิตั้งอยู่ติดกับเส้นทางจักรยานแห่งชาติ Tsukuba Kasumigaura Ring Ring Road สามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันงดงามตระการตาของทะเลสาบคาซึมิกาอุระ ซึ่งมีพื้นที่ผิวทะเลสาบใหญ่เป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น สวนแห่งนี้ประกอบด้วยหอจดหมายเหตุท้องถิ่น, พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ, สวนป่า, อายุมิอัน (Ayumian) บ้านโบราณและสวนในบ้านสมัยเอโดะ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจัดแสดงปลาจากทะเลสาบคาซึมิกาอุระราว 1,500 ตัว 110 สายพันธุ์ นอกจากนี้ยังมีจุดชมวิวเล็กๆ และลานเครื่องเล่นด้านนอกด้วย อายุมิอันมีห้องพิธีชงชาและห้องเสื่อทาทามิ สามารถนั่งพักจิบชาเขียวมัทฉะได้ นอกจากนี้ จุดชมวิวอายุซากิ (Ayumizaki Observatory) ซึ่งตั้งอยู่ขึ้นไปบนเนินเขาห่างออกไปเล็กน้อย มีทิวทัศน์ที่สวยงามซึ่งได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 100 ทิวทัศน์อันงดงามของอิบารากิ

สุสานฟอสซิลหอยนางรมหาดซากิฮามะ (Sakihama Oyster Fossil Bed)

สุสานฟอสซิลหอยนางรมหาดซากิฮามะเป็นสถานที่ซึ่งมีชั้นหินฟอสซิลหอยนางรมก่อตัวขึ้นเมื่อราว 130,000 ถึง 120,000 ปีก่อนในขณะที่บริเวณนี้ยังเป็นก้นทะเล จากนั้นในปลายยุคโคฟุน (ศตวรรษที่ 6 - 7) ได้ใช้ที่นี่เป็นสุสานโยโคอานะ (สถานที่ฝังศพ ด้วยการขุดโพลงด้านข้างทางลาด) มีการค้นพบสุสานโยโคอานะ 17 แห่ง ในหลากหลายรูปแบบ เช่น สุสานที่มีพื้นที่หลักสำหรับวางโลงศพด้านหน้าเท่านั้น และสุสานที่มีพื้นที่โลงศพ 3 ส่วนคือตรงกลางและซ้าย-ขวา
ที่นี่อยู่ใกล้เส้นทางปั่นจักรยานแห่งชาติ Ring Ring Road เป็นสถานที่ปั่นจักรยานแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น

โยชิดะฟาร์ม (Yoshida Farm)

จังหวัดอิบารากิเป็นแหล่งผลิตรากบัวอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น โดยเฉพาะบริเวณคาสุมิกาอุระซึ่งมีการปลูกกันมาก โยชิดะฟาร์มเป็นหนึ่งในฟาร์มรากบัว นอกจากรากบัวสด ยังมีชาใบบัวและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากรากบัว รากบัวของที่นี่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและร่างกายโดยใช้ยาฆ่าแมลงให้น้อยที่สุด รากบัวสามารถรับประทานได้ทั้งต้ม ผัด หรือดิบ มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ทั้งวิตามินซี แทนนิน โพแทสเซียม และใยอาหาร มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากๆ นอกจากนี้ชาใบบัวยังมีสรรพคุณแก้อาการบวมและท้องผูก ช่วยขับสารพิษจากร่างกาย และช่วยให้ผิวสวยด้วย
โยชิดะฟาร์มสามารถทัวร์ชมทุ่งรากบัวและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากรากบัวแปรรูปเป็นของฝากได้ รากบัวควรรับประทานในขณะที่ยังสดๆ ดังนั้นหากต้องการซื้อรากบัวสด ต้องจองล่วงหน้า
นอกจากนี้ฟาร์มยังตั้งอยู่ใกล้เส้นทางปั่นจักรยานแห่งชาติ Ring Ring Road ที่นี่จึงเป็นจุดแวะพักแนะนำระหว่างปั่นจักรยาน

ซากโบราณสถานฮิราซาวะคังกะ (Hirasawa Kanga Ruins)

ว่ากันว่า ซากโบราณสถานฮิราซาวะคังกะเดิมเป็นสถานที่ราชการซึ่งสร้างขึ้นเมื่อพันปีก่อนในราวสมัยนารา (ปี 710 - 794) และสมัยเฮอัน (ปี 794 - 1185) ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติ
ฮิราซาวะเป็นชื่อของพื้นที่ซึ่งซากโบราณสถานแห่งนี้ตั้งอยู่ ส่วน คังกะ หมายถึง สถานที่ราชการ ว่ากันว่าข้าวซึ่งใช้เป็นภาษีนั้นถูกเก็บไว้ที่ซากปรักหักพังฮิราซาวะคังกะแห่งนี้
จากการสำรวจและการค้นพบได้รับการยืนยันว่า ที่นี่มีซากอาคารในสมัยนาราและสมัยเฮอันราว 60 แห่ง ตลอดจนซากของรั้วและคูน้ำใหญ่ ปัจจุบันมีการบูรณะอาคาร 3 หลังซึ่งมีโครงสร้างที่แตกต่างกัน เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถชื่นชมรูปแบบสถาปัตยกรรมโบราณได้
ที่นี่ตั้งอยู่ใกล้เส้นทางปั่นจักรยานแห่งชาติ Ring Ring Road จึงเป็นจุดแวะพักแนะนำระหว่างปั่นจักรยาน

ซากปราสาทโอดะ (Oda Castle Ruins)

ปราสาทโอดะเป็นที่พักของตระกูลโอดะที่เรืองอำนาจในพื้นที่แห่งนี้ช่วงศตวรรษที่ 12 - 17
ในยุคนันโบคุโจหรือยุคราชสำนักเหนือ-ใต้ (ปี1336 - 1392) ราชสำนักจักรพรรดิมีการแบ่งขั้วเป็น 2 ฝ่าย คือ ราชสำนักฝ่ายเหนือซึ่งตั้งอยู่พื้นที่จังหวัดเกียวโตในปัจจุบัน และราชสำนักฝ่ายใต้ซึ่งตั้งอยู่พื้นที่จังหวัดนารา ปราสาทโอดะถือเป็นฐานที่มั่นของราชสำนักฝ่ายเหนือ ซึ่งปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ
ในศตวรรษที่ 20 เส้นทางรถไฟทสึคุบะได้ตัดผ่านกลางปราสาท
หลังเส้นทางรถไฟทสึคุบะปิดให้บริการในปี 1987 เส้นทางเกือบทั้งหมดได้รับการพัฒนาเป็นเส้นทางปั่นจักรยาน Ring Ring Road ส่วนเส้นทางที่ตัดผ่านปราสาทโอดะก็เปลี่ยนไปใช้เส้นทางเบี่ยงรอบนอกซากปราสาท แต่ส่วนหนึ่งของเส้นทางเดิมที่ตัดผ่านยังคงอยู่ มีการจัดแสดงภาพตัดขวางของป้อมปราการดินด้วย
ในบริเวณซากปราสาทยังมีซากป้อมปราการดิน ซากคูน้ำ และอื่นๆ หลงเหลืออยู่ และได้รับอนุรักษ์เป็นอุทยานทางประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ ที่ศูนย์ข้อมูลยังสามารถชมนิทรรศการภาพม้วนโบราณและโบราณวัตถุที่ขุดค้นได้ฟรีด้วย

สวนคิโจ (Kijo Park)

สวนแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของเมืองทสึจิอุระ เดิมเป็นส่วนหนึ่งของปราสาททสึจิอุระ (Tsuchiura Castle) ปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นในช่วงปลายยุคมุโรมาจิ (ปี 1429 - 1440) และเป็นที่รู้จักในชื่อ คิโจ (ปราสาทเต่า) เพราะมีรูปลักษณ์ที่ดูเหมือนเต่าลอยน้ำ ทำให้สวนแห่งนี้ได้รับการเรียกขาน "สวนคิโจ" ภายในสวนมีลานสนามหญ้า และต้นโอ๊กญี่ปุ่นซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอนุสาวรีย์ทางธรรมชาติของจังหวัดอิบารากิ นอกจากนี้ยังสามารถชมมรดกทางประวัติศาสตร์ต่างๆ ซึ่งแสดงถึงร่องรอยของปราสาทในอดีต เช่น ประตูยากุระ (ประตูปราสาทแบบ 2 ชั้นที่มีป้อมสังเกตการณ์อยู่ชั้นบน) และประตูคาซุมิ

Ring Ring Square Tsuchiura (ริงริงสแควร์ ทสึจิอุระ)

Ring Ring Square Tsuchiura เป็นจุดให้บริการสำหรับนักปั่นจักรยาน โดยอาคารจะเชื่อมตรงกับสถานี JR ทสึจิอุระ (JR Tsuchiura ) นอกจากจะมีร้านจำหน่ายและให้เช่าจักรยานแล้ว ที่นี่ยังมีล็อคเกอร์หยอดเหรียญ ห้องอาบน้ำ รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางปั่นจักรยาน Tsukuba Kasumigaura Ring Ring Road ให้บริการด้วย
มีจักรยานให้เช่าหลากหลาย ตั้งแต่จักรยานเสือหมอบไปจนถึงจักรยานไฟฟ้า มีร้านให้บริการเช่าจักรยาน 3 แห่ง (ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น) โดยแต่ละแห่งมีวิธีเช่าที่แตกต่างกัน สามารถเลือกใช้บริการได้ตามชอบ

① le cyc (ชั้น 1 ร้านจำหน่ายและเช่า)
มีบริการเช่าจักรยาน ถุงมือ และอุปกรณ์ปั่นจักรยานต่างๆ หลากหลายประเภท ต้องจองล่วงหน้า ส่งคืน ณ สถานที่เช่า
ระยะเวลาเช่า:
จันทร์-ศุกร์ : 10:30 - 19:30 น. / วันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์: 10:00 - 19:30 น.

② Ibaraki Wide-Area Rental Cycle (ติดต่อที่เคาน์เตอร์ Le cyc ชั้น 1)
มีบริการเช่าจักรยานหลากหลายประเภท ต้องจองล่วงหน้า ส่งคืนได้ 11 แห่ง
ระยะเวลาเช่า: สามารถเช่าติดต่อกันหลายวันได้

พิพิธภัณฑ์ศิลปะคาซามะนิจิโดะ (Kasama Nichido Museum of Art)

คาซามะเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในเรื่องเครื่องเคลือบและเครื่องปั้นดินเผาที่งดงาม แต่ยังมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะหลายแห่งในเมืองที่จัดแสดงงานศิลป์ต่างๆ เช่น ภาพวาดและงานแกะสลัก หนึ่งในพิพิธภัณฑ์อันโดดเด่นที่สุดคือพิพิธภัณฑ์ศิลปะคาซามะนิจิโดะซึ่งเปิดเมื่อปี 1972

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเพื่อให้ผู้คนทั้งหลายได้สัมผัสงานศิลป์สุดประทับใจ นอกจากที่นี่จะรวบรวมผลงานของนักเขียนชาวญี่ปุ่นไว้ ยังเก็บสะสมผลงานสุดตราตรึงใจที่ทรงอิทธิพลอย่างมากต่อโลกศิลปะญี่ปุ่นด้วย สามารถชื่นชมผลงานอันทรงคุณค่าของศิลปินชื่อดังระดับโลก เช่น ปิแอร์ ออกุสต์ เรอนัวร์, โคลด โมเนต์, วินเซนต์ แวนโก๊ะ, และเอ็ดการ์ เดอกาส์ ได้ ยังมีนิทรรศการที่มีเอกลักษณ์ในคอลเล็กชันการผสมสีของศิลปินนักวาดภาพชื่อดังซึ่งได้รับการยอมรับอย่างมากจากผู้เชี่ยวชาญงานศิลป์ นอกจากนี้ยังมีงานแกะสลักต่างๆ จัดตั้งอยู่ในสวนอันงดงามให้ได้ชื่นชมกันด้วย

พิพิธภัณฑ์ศิลปะคาซามะอินาริ (Kasama Inari Art Museum)

พิพิธภัณฑ์ศิลปะคาซามะอินาริเป็นสถานที่ซึ่งจะได้สัมผัสกับประวัติศาสตร์อันยาวนานของเครื่องปั้นดินเผาญี่ปุ่น

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ในบริเวณศาลเจ้าคาซามะอินาริ จัดแสดงนิทรรศการถาวรเกี่ยวกับเครื่องปั้นดินเผาและเครื่องเคลือบโบราณใน 6 รูปแบบ

คอลเล็กชั่นที่พิพิธภัณฑ์รวบรวมไว้มีความหลากหลาย นอกจากเครื่องปั้นดินเผาในสมัยเฮอัน สมัยคามาคุระ และสมัยมุโรมาจิ ยังมีชิ้นที่เก่าแก่กว่าพันปีก่อนด้วย ยังมีนิทรรศการพิเศษซึ่งจัดแสดงผลงานน่าทึ่งมากมาย เช่น ภาพแขวนและฉากกั้นสุดวิจิตรที่วาดลวดลายภูมิทัศน์ของญี่ปุ่นและทิวทัศน์ในแต่ละฤดูกาล

หากได้ชมคอลเล็กชันของพิพิธภัณฑ์คาซามะอินาริแห่งนี้ จะสามารถสัมผัสได้ถึงส่วนหนึ่งของผลงานอันทรงค่าทางประวัติศาสตร์และวิวัฒนาการเครื่องปั้นดินเผาของญี่ปุ่นได้

ถนนยากิโมโนะโดริ / โทโนะโคมิจิ

ถนนคาซามะยากิโมโนะโดริ (Yakimono Dori) เป็นยากิโมโนะสตรีทที่ทอดยาวเลียบทางหลวงหมายเลข 355 มีสตูดิโอเครื่องปั้นดินเผาซึ่งเปิดดำเนินการมาหลายชั่วอายุคน และร้านค้าส่งขนาดใหญ่ตั้งเรียงราย

ไม่ว่าจะแวะชมที่ไหน ล้วนมีเรื่องราวใหม่ๆ ให้ค้นพบ อย่างคัตสึระโทเก (Katsura Tougei) ร้านจำหน่ายคาซามะยากิซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกของญี่ปุ่น และฮิซะโทโคโบ (Hisa Toukoubou) สตูดิโอซึ่งจะได้สัมผัสประสบการณ์การทำเครื่องปั้นดินเผา

โทโนะโคมิจิ (To no Komichi) ถนนเครื่องปั้นดินเผาแห่งนี้เริ่มต้นจากฝั่งตะวันออกของถนนคาซามะยากิ และขนานกับแกลเลอรีโรดซึ่งเป็นถนนเครื่องปั้นดินเผาอีกเส้นหนึ่ง บนถนนเส้นนี้มีร้านค้าราว 10 แห่งที่บริหารโดยสตูดิโอเครื่องปั้นดินเผา ดังนั้น จึงมีโอกาสที่จะได้พบปะศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานด้วย