6 ผลไม้แนะนำจากจังหวัดอิบารากิ “อาณาจักรแห่งอาหาร” ของญี่ปุ่น! พร้อมแนะนำฟาร์มที่จัดกิจกรรมเก็บผลไม้

6 ผลไม้แนะนำจากจังหวัดอิบารากิ “อาณาจักรแห่งอาหาร” ของญี่ปุ่น! พร้อมแนะนำฟาร์มที่จัดกิจกรรมเก็บผลไม้

จังหวัดอิบารากิ (Ibaraki) คือหนึ่งในจังหวัดเกษตรกรรมชั้นนำของญี่ปุ่น และเป็นที่รู้จักกันในนาม ""อาณาจักรแห่งอาหาร"" ในบรรดาผลผลิตทางการเกษตรแสนอร่อยต่างๆ ผลไม้คือผลิตผลที่โดดเด่นที่สุด อิบารากิปลูกผลไม้หลากหลายชนิดตลอดทั้งปี โดยสามารถผลิตเมลอนได้มากเป็นอันดับ 1 และลูกแพร์ได้มากเป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น
บทความนี้ขอแนะนำ 6 ผลไม้ขึ้นชื่อของจังหวัดอิบารากิและฟาร์มที่จัดกิจกรรมเก็บผลไม้

ผลไม้ตามฤดูกาลของจังหวัดอิบารากิ และกิจกรรมสัมผัสประสบการณ์การเก็บผลไม้

จังหวัดอิบารากิเก็บเกี่ยวผลไม้รสหวานที่มีกลิ่นหอมดีเยี่ยมได้มากมาย ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการรับประทานผลไม้แสนอร่อยของแต่ละชนิดและสายพันธุ์จะต่างกัน จึงสามารถเพลิดเพลินกับรสชาติความอร่อยของผลไม้หมุนเวียนได้ตลอดทั้งปี

ในอิบารากิมีฟาร์มหลายแห่งที่จัดกิจกรรมเก็บผลไม้ การเก็บผลไม้เป็นกิจกรรมที่ชาวญี่ปุ่นนิยมกันมาก กิจกรรมสัมผัสประสบการณ์นี้มี 2 แบบ คือ

แบบแรกคือต้องชำระค่ากิจกรรมที่ทางฟาร์มกำหนดไว้แล้วเก็บผลไม้รับประทานได้ไม่อั้น ส่วนอีกแบบคือชำระเงินตามน้ำหนักผลไม้ที่เก็บแล้วรับประทานหรือนำกลับบ้าน
นอกจากนี้ยังมีฟาร์มผลไม้ที่มีกิจกรรมทดลองชิมและกิจกรรมชิมผลไม้เปรียบเทียบรสชาติ รวมถึงฟาร์มผลไม้ที่วางจำหน่ายผลไม้โดยตรง จำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูป สถานที่ทำบาร์บีคิว และคาเฟ่

กฎระเบียบการเก็บผลไม้ ค่ากิจกรรม และเวลาทำการของแต่ละแห่งต่างกัน ดังนั้นขอแนะนำให้ตรวจสอบที่เว็บไซต์ทางการล่วงหน้าก่อนแวะไปกันนะ

จังหวัดอิบารากิ "อาณาจักรแห่งอาหารอร่อย" กับ 6 ผลไม้ท้องถิ่นที่ห้ามพลาด และฟาร์มเก็บผลไม้แนะนำ

บทความนี้ได้คัดสรร 6 ผลไม้ขึ้นชื่อที่ปลูกในจังหวัดอิบารากิมาแนะนำโดยละเอียด ทั้งฤดูเก็บเกี่ยว และฟาร์มผลไม้ที่จัดกิจกรรมเก็บผลไม้

1. สตรอเบอร์รี่ (ฤดูเก็บเกี่ยว: ปลายธันวาคม - ต้นพฤษภาคม)

Picture courtesy of Granberry Daichi

จังหวัดอิบารากิเป็นหนึ่งในแหล่งปลูกสตรอเบอร์รี่ชั้นนำของญี่ปุ่น ทั่วจังหวัดปลูกสตรอเบอร์รี่หลากหลายสายพันธุ์ มีสายพันธุ์ญี่ปุ่นชื่อดังอย่าง “โทจิโอโตเมะ” และ “เบนิฮปเปะ” และสายพันธุ์ท้องถิ่นอย่าง “ฮิตาจิฮิเมะ” และ “อิบาราคิส” ที่ได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะ “อิบาราคิส” สายพันธุ์ที่ได้รับการพัฒนามายาวนานถึง 8 ปีนั้น มีลูกค่อนข้างใหญ่ รูปทรงสวย รสหวาน ไม่เปรี้ยว


สามารถเพลิดเพลินกับสตรอเบอร์รี่แสนอร่อยได้ในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนพฤษภาคม

GRANBERRY DAICHI ฟาร์มแนะนำสำหรับกิจกรรมเก็บสตรอเบอร์รี่

Picture courtesy of Granberry Daichi

GRANBERRY DAICHI เป็นฟาร์มสตรอเบอร์รี่ที่ดำเนินการมานานกว่า 50 ปี
ที่นี่ได้สร้างฟาร์มสตรอเบอร์รี่ซึ่งใช้ระบบการปลูกแบบลิฟต์ที่แปลกใหม่ โดยจะปลูกสตรอเบอร์รี่บนชั้นแขวนพิเศษที่ปรับเลื่อนขึ้นลงได้อัตโนมัติ จึงไม่ต้องก้มลงไปเก็บสตรอเบอร์รี่ ทางเดินก็กว้างขวางทำให้รถเข็นวีลแชร์และรถเข็นเด็กผ่านได้ง่าย
GRANBERRY DAICHI เป็นฟาร์มสตรอเบอร์รี่ขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นที่ใช้วิธีนี้ เพาะปลูกสตรอเบอร์รี่ได้มากถึง 190,000 ลูก!

 

Picture courtesy of Granberry Daichi

กิจกรรมเก็บสตรอว์เบอร์รี สามารถรับประทานสตรอว์เบอร์รีหลากชนิดได้ไม่อั้นในเวลา 40 นาที นอกจากนี้ทุกวันเสาร์ยังมีกิจกรรมเก็บสตรอว์เบอร์รีในตอนกลางคืนด้วย แต่ต่างจากกิจกรรมตอนกลางวัน ตรงที่ต้องจองผ่านเว็บไซต์ทางการ ค่ากิจกรรมยังต่างกันในแต่ละช่วงเวลาและอายุของผู้เข้าร่วมด้วย

นอกจากนี้ ยังมีร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์โดยตรงของฟาร์มและคาเฟ่อยู่อาคารติดกันด้วย ที่นี่จัดจำหน่ายขนมหวานและขนมต่างๆ หลากชนิด เช่น เค้กและพุดดิ้งที่ทำจากสตรอเบอร์รี่ จึงสามารถเพลิดเพลินกับสตรอเบอร์รี่ได้แม้ในช่วงนอกฤดูเก็บเกี่ยว ในฤดูใบไม้ร่วงยังสามารถสัมผัสกิจกรรมขุดหัวมันเทศได้ด้วย

Picture courtesy of Granberry Daichi

2. เมลอน (ฤดูเก็บเกี่ยว: ปลายเมษายน - ปลายตุลาคม)

Picture courtesy of Forest Park Melon no Mori

เมลอนหวานฉ่ำเป็นผลไม้ขึ้นชื่อของจังหวัดอิบารากิ ที่สำคัญยังมีปริมาณการปลูกเมลอนได้มากที่สุดของญี่ปุ่นติดต่อกัน 25 ปี จังหวัดอิบารากิจึงได้รับการขนานนามว่า “อาณาจักรเมลอน” ด้วย

จังหวัดอิบารากิปลูกเมลอนมากถึง 10 สายพันธุ์ มีทั้งเมลอนเนื้อสีเขียวและสีส้ม ฤดูเก็บเกี่ยวเมลอนอยู่ในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนตุลาคมโดยแตกต่างกันในแต่ละสายพันธุ์ ช่วงที่ดีที่สุดในการลิ้มรสเมลอนคือช่วงต้นฤดูร้อนและต้นฤดูใบไม้ร่วง และสายพันธุ์ที่โดดเด่นที่สุดก็คือ “อิบาระคิง” และ “ควินซี”

อิบาระคิง เป็นเมลอนสายพันธุ์ที่อิบารากิพัฒนาขึ้นเอง โดยนำเทคนิคการเกษตรขั้นสูงที่จังหวัดอิบารากิสั่งสมมาตลอดระยะเวลามากกว่า 10 ปี จากเมลอนมากกว่า 400 สายพันธุ์! มีลักษณะพิเศษคือเนื้อหนาหวานสดชื่น และรสชาติชุ่มฉ่ำเข้มข้น ฤดูเก็บเกี่ยวคือช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน

ผู้ที่ชื่นชอบเมลอนเนื้อสีส้ม ขอแนะนำสายพันธุ์ “ควินซี” เป็นเมลอนเนื้อแดงชื่อดังของญี่ปุ่น มีรสหวานเข้มข้น อุดมไปด้วยแคโรทีน ฤดูเก็บเกี่ยวคือช่วงพฤษภาคมถึงต้นกรกฎาคม

Forest Park Melon no Mori (ฟอเรสปาร์ค เมลอนโนะโมริ) ฟาร์มแนะนำสำหรับกิจกรรมเก็บเมลอน

Picture courtesy of Forest Park Melon no Mori

Forest Park Melon no Mori ตั้งอยู่ในเมืองโฮโกตะ (Hokota) แหล่งผลิตเมลอนอันดับ 1 ของญี่ปุ่นในระดับเมือง ตำบล และหมู่บ้าน เมืองโฮโกตะปลูกเมลอนหลากหลายสายพันธุ์ ดังนั้นจึงมีผู้คนมากมาย ทั้งที่มาคนเดียวและเป็นกลุ่ม พากันมาลิ้มลองเมลอนกันที่นี่ในฤดูใบไม้ผลิ ต้นฤดูร้อน และฤดูใบไม้ร่วง นอกจากการชิมเมลอนแล้ว ยังสามารถทำกิจกรรมเก็บเมลอนและนำกลับบ้านได้ด้วย รวมทั้งยังสามารถเลือกคอร์สบาร์บีคิวที่หลากหลายเพื่อลิ้มรสเนื้อวัวฮิตาจิซึ่งเป็นเนื้อวากิวแบรนด์ดังของอิบารากิ และอื่นๆ ข้อพึงระวังคืออาจต้องจองล่วงหน้าขึ้นอยู่กับแพ็กเกจและจำนวนคน

นอกจากนี้ยังมีมุมจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งไม่เพียงแต่สามารถซื้อเมลอนตามฤดูกาล แต่ยังมีน้ำเมลอนคั้นสดและขนมหวานที่ทำจากเมลอนครึ่งลูกโปะด้วยไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟด้วย

Picture courtesy of Forest Park Melon no Mori

3. บลูเบอร์รี่ (ฤดูเก็บเกี่ยว: มิถุนายน - สิงหาคม)

Picture courtesy of Van Sickel Farm Tsukuba

จังหวัดอิบารากิเป็นแหล่งปลูกบลูเบอร์รี่มากเป็นอันดับ 3 ของญี่ปุ่น พื้นที่เพาะปลูกหลักคือเมืองทสึคุบะ (Tsukuba) เมืองคาซึมิกาอุระ และเมืองโอมิทามะ (Omitama) มีสายพันธุ์มากมาย รสชาติและขนาดหลากหลาย ฤดูของบลูเบอร์รี่คือฤดูร้อนในช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม รสชาติหวานอมเปรี้ยวนิดๆ ของบลูเบอร์รี่ช่วยให้ลืมความร้อนระอุของฤดูร้อนได้ดีทีเดียว

Van Sickel Farm Tsukuba (แวนซิกเคลฟาร์มทสึคุบะ) ฟาร์มแนะนำสำหรับกิจกรรมเก็บบลูเบอร์รี่

Picture courtesy of Van Sickel Farm Tsukuba

Van Sickel Farm Tsukuba ตั้งอยู่ในเมืองทสึคุบะ จังหวัดอิบารากิ ซึ่งเป็น 1 ใน “3 แหล่งปลูกบลูเบอร์รี่ที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น” ฟาร์มแห่งนี้เน้น “การทำเกษตรอินทรีย์” ที่รักษาสมดุลแร่ธาตุของดินให้มีความใกล้เคียงกับธรรมชาติที่สุด โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยาฆ่าแมลงหรือยากำจัดวัชพืช ปลูกบลูเบอร์รี่ราว 50 สายพันธุ์ 1,000 ต้น แต่ละสายพันธุ์มีรสชาติที่ต่างกัน บางพันธุ์ผลจะสุกในเดือนมิถุนายน และบางพันธุ์ผลจะเริ่มสุกราวกลางเดือนกรกฎาคม

นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับกิจกรรมเก็บราสเบอร์รี่และบลูเบอร์รี่แบบไม่อั้นตลอดเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม ฟาร์มแห่งนี้บริหารงานโดยครอบครัวหนึ่ง และเจ้าของฟาร์มซึ่งเป็นชาวไอโอวา สหรัฐอเมริกา สามารถให้ความช่วยเหลือเป็นภาษาอังกฤษได้

Picture courtesy of Van Sickel Farm Tsukuba

ในฤดูเก็บเกี่ยว สามารถชมทิวทัศน์ที่สวยงามของเขาทสึคุบะ (Mt. Tsukuba) และเขาโฮเคียว (Mt. Hokyo) รวมทั้งพักผ่อนสบายๆ ในกระท่อมไม้และม้านั่งแบบทำเอง
กิจกรรมเก็บเบอร์รี่ในวันธรรมดาไม่จำเป็นต้องจอง แต่ในวันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดพิเศษ ต้องจองล่วงหน้าโดยกรอกรายละเอียดในแบบฟอร์มการจองเฉพาะของฟาร์มผลไม้แห่งนี้ ค่าเข้าชมฟาร์มจะต่างกันตามอายุของผู้เข้าชม

นอกจากจะซื้อบลูเบอร์รี่บรรจุแพ็คไปเป็นของฝากได้แล้ว ที่นี่ยังมีแยมโฮมเมด ไอศกรีมแช่แข็ง และเบอร์รี่แช่แข็งจำหน่ายด้วย

Picture courtesy of Van Sickel Farm Tsukuba

4. ลูกแพร์ (ฤดูเก็บเกี่ยว: ต้นสิงหาคม - กลางตุลาคม)

Picture courtesy of Fukuda Green Farm

จังหวัดอิบารากิเป็นแหล่งปลูกลูกแพร์มากเป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น มีการเพาะปลูกลูกแพร์ในพื้นที่ต่างๆ รอบเมืองคาซุมิกาอุระ (Kasumigaura) และเมืองอิชิโอกะ (Ishioka) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีผืนดินและแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ รวมทั้งอุณหภูมิระหว่างกลางวันกับกลางคืนต่างกันมาก เหมาะอย่างยิ่งกับการเพาะปลูกลูกแพร์ ทำให้จังหวัดอิบารากิเป็นหนึ่งในแหล่งปลูกลูกแพร์ที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น มีประวัติยาวนานย้อนกลับไปถึงสมัยเอโดะ (ค.ศ.1603 – 1868) เลยทีเดียว

ลูกแพร์ของจังหวัดอิบารากิมีหลายสายพันธุ์ สามารถเพลิดเพลินกับลูกแพร์ 7 สายพันธุ์ได้จนถึงกลางเดือนตุลาคม อย่าง “โคซุย” สายพันธุ์ที่บ่งบอกถึงการเริ่มต้นของฤดูลูกแพร์ (ราวกลางเดือนสิงหาคม) “เคซุย” ลูกแพร์สายพันธุ์ของอิบารากิ และ “นีทากะ” ลูกแพร์พันธุ์ใหญ่ที่หนักลูกละมากกว่า 1 กิโลกรัม

Fukuda Green Farm (ฟุกุดะกรีนฟาร์ม) ฟาร์มแนะนำสำหรับกิจกรรมเก็บลูกแพร์

Picture courtesy of Fukuda Green Farm

Fukuda Green Farm เน้นเกษตรแบบใช้ปุ๋ยอินทรีย์และลดการใช้ยาฆ่าแมลง นอกจากนี้ ภายในฟาร์มยังเป็นสถานที่ปลอดสิ่งกีดขวางที่ออกแบบให้ผู้สูงอายุและผู้พิการทางร่างกายสามารถใช้บริการได้

ที่นี่มีกิจกรรมเก็บเกี่ยวพืชผลต่างๆ เช่น ลูกแพร์ องุ่น เกาลัด และลูกพลับ ฟาร์มนี้ปลูกลูกแพร์สายพันธุ์โคซุย โฮซุย และนีทากะ มีกิจกรรมเก็บลูกแพร์กินได้ไม่อั้น 1 ชั่วโมง และหากกินไม่หมดก็สามารถซื้อกลับบ้านโดยจ่ายเงินตามน้ำหนักได้ด้วย ค่ากิจกรรมต่างกันตามช่วงเวลาเก็บเกี่ยวและอายุของผู้เข้าร่วม สามารถซื้อผลไม้ตามฤดูกาลได้ที่ร้านค้าจำหน่ายผลิตภัณฑ์โดยตรงของฟาร์มด้วย

Picture courtesy of Fukuda Green Farm

5. องุ่น (ฤดูเก็บเกี่ยว: สิงหาคม - ตุลาคม)

Picture courtesy of Yaguchi Orchard

“เคียวโฮ” องุ่นซึ่งมีถิ่นกำเนิดในญี่ปุ่น เป็นที่รู้จักในนาม “ราชาแห่งองุ่น” มีการเพาะปลูกกันอย่างแพร่หลายในจังหวัดอิบารากิ ขึ้นชื่อในเรื่องความหวานเข้มข้นและรสเปรี้ยวที่เข้ากันอย่างลงตัว
นอกจากสายพันธุ์นี้ ในจังหวัดอิบารากิยังมีสายพันธุ์อื่นๆ อีกราว 10 สายพันธุ์ รวมถึงสายพันธุ์ยุโรปอย่าง “ฮิตาจิเซริว” องุ่นสายพันธุ์เมืองฮิตาจิโอตะ (Hitachiota) และ “ไชน์มัสคัด” องุ่นชั้นเลิศสายพันธุ์ดัง พื้นที่เพาะปลูกหลักคือเมืองอิชิโอกะและเมืองคาซุมิกาอุระซึงอยู่ทางใต้ของจังหวัด และเมืองฮิตาจิโอตะซึ่งอยู่ทางเหนือของจังหวัด ฤดูเก็บเกี่ยวขึ้นอยู่กับแต่ละสายพันธุ์ แต่ฤดูกาลหลักคือช่วงต้นเดือนสิงหาคมถึงปลายเดือนตุลาคม

Yaguchi Orchard (ฟาร์มยากุจิ) ฟาร์มแนะนำสำหรับกิจกรรมเก็บองุ่น

Picture courtesy of Yaguchi Orchard

Yaguchi Orchard เป็นสวนผลไม้อายุ 60 ปี ปัจจุบันดูแลโดยเจ้าของรุ่นที่ 3 จัดกิจกรรมเก็บองุ่นเคียวโฮ กินได้ไม่อั้นในเวลา 1 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังจำหน่ายองุ่นที่เก็บได้ในราคาตามน้ำหนักด้วย

สามารถร่วมกิจกรรมเก็บองุ่นได้โดยไม่ต้องจองล่วงหน้า แต่เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวมากันเยอะ จึงขอแนะนำให้จองล่วงหน้าจะดีกว่า เวลาเข้าชมรอบสุดท้ายคือ 15:00 น. นอกจากกิจกรรมเก็บองุ่น ในแต่ละฤดูกาลยังมีกิจกรรมเก็บลูกแพร์ ลูกพลับ และเกาลัดด้วย

นอกจากนี้ Yaguchi Orchard ยังจำหน่ายเคียวโฮโนะชิซุคุ สินค้ายอดฮิต ซึ่งเป็นน้ำผลไม้สดเข้มข้นที่ทำจากองุ่นเคียวโฮ 100% ไม่มีการเติมน้ำตาลเพิ่ม ไม่แต่งสี และไม่ใส่สารกันบูด จะดื่มเลย หรือจะผสมโซดาหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ดื่มได้เช่นกัน

Picture courtesy of Yaguchi Orchard

6. แอปเปิ้ล (ฤดูเก็บเกี่ยว: กลางกันยายน - ปลายพฤศจิกายน)

Picture courtesy of Fujita Apple Orchard

จังหวัดอิบารากิมีการปลูกแอปเปิ้ลในเมืองต่างๆ อย่างเมืองฮิตาจิ (Hitachi) เมืองอุชิกุ (Ushiku) และเมืองมิโตะ (Mito) แต่แหล่งปลูกแอปเปิ้ลชื่อดังที่สุดก็คือไดโกะมาจิซึ่งอยู่ทางเหนือของจังหวัด ลักษณะเด่นของแอปเปิ้ลที่ไดโกะมาจิคือจะปล่อยให้แอปเปิ้ลสุกเต็มที่บนต้นแล้วจึงเก็บเกี่ยว “แอปเปิ้ลสุกบนต้น” นี้เป็นแอปเปิ้ลหายากที่ไม่มีจำหน่ายทั่วไป ดังนั้นจึงมีนักท่องเที่ยวมาทำกิจกรรมเก็บแอปเปิ้ลนี้กันมาก

มีแอปเปิ้ลราว 15 สายพันธุ์ อย่าง “ฟูจิ” แอปเปิ้ลแสนอร่อยเนื้อชุ่มฉ่ำ รสชาติเข้มข้น มีกลิ่นหอมคล้ายน้ำผึ้ง “โคโตกุ” แอปเปิ้ลหายาก และ “โอคุคุจิโฮเบนิ” แอปเปิ้ลสายพันธุ์ท้องถิ่นนี้

Fujita Apple Orchard (ฟาร์มแอปเปิ้ลฟูจิตะ) ฟาร์มแนะนำสำหรับกิจกรรมเก็บแอปเปิล

Picture courtesy of Fujita Apple Orchard

Fujita Apple Orchard เป็นหนึ่งในฟาร์มขึ้นชื่อของไดโกะมาจิซึ่งเป็นแหล่งปลูกแอปเปิ้ล ฟาร์มแห่งนี้เปิดมากว่า 60 ปีแล้ว มีกิจกรรมเก็บแอปเปิ้ลมากถึง 9 สายพันธุ์อย่าง “ทสึการุ”, “โอริน” และ “ฟูจิ” นอกจากจะจำหน่ายแอปเปิ้ลที่เก็บตามน้ำหนักกลับบ้านแล้ว ยังมีกิจกรรมชิมแอปเปิ้ลสายพันธุ์ต่างๆ ที่เจ้าหน้าที่เตรียมไว้ได้ไม่อั้นด้วย

Fujita Apple Orchards ยังให้ความสำคัญในการแปรรูปผลิตภัณฑ์ต่างๆ ด้วย ดังนั้นนอกจากจะจำหน่ายแอปเปิ้ลสดๆ โดยตรงแล้ว ยังสามารถจับจ่ายซื้อหาของฝากต่างๆ ได้หลากหลายเช่นกัน อย่างพายแอปเปิ้ลสุดฮิต น้ำผลไม้ แอปเปิ้ลลาเกอร์ (Apple Lager เบียร์ที่ใช้ยีสต์หมักแอปเปิ้ล) และแอปเปิ้ลไซเดอร์ (น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล) รวมทั้งยังสามารถรับประทานพายแอปเปิ้ลที่อบเสร็จใหม่ๆ ได้ที่ฟาร์มด้วย

นอกจากนี้ยังสามารถสนุกกับการทำบาร์บีคิวท่ามกลางแมกไม้เขียวขจี และเพลิดเพลินกับ “หมูฮิตาจิโนะคากายากิ” และ “เนื้อวิวฮิตาจิ” เนื้อวากิวแบรนด์ดังของอิบารากิ พร้อมซอสแอปเปิ้ลสูตรพิเศษของที่นี่ (ต้องจองล่วงหน้า)

Picture courtesy of Fujita Apple Orchard

สนุกกับประสบการณ์เก็บผลไม้ในจังหวัดอิบารากิ!

บทความนี้ได้แนะนำผลไม้เลิศรสของจังหวัดอิบารากิที่คัดสรรมาบางส่วน แต่ยังมีผลไม้รสเลิศอีกหลากหลาย เช่น ลูกพลับ ส้ม และลูกพีช จังหวัดอิบารากิเดินทางจากโตเกียวไปได้ง่ายๆ มีผลไม้ตามฤดูกาลแสนอร่อยให้ลิ้มลองตลอดทั้งปี ก่อนเดินทาง ขอแนะนำให้ตรวจสอบรายละเอียดและกฎระเบียบต่างๆ เช่น ค่ากิจกรรมเก็บผลไม้ ข้อกำหนดในการจอง และเวลาที่เปิดให้บริการต่างๆ ที่เว็บไซด์ทางการของฟาร์มแต่ละแห่งก่อน แล้วไปเพลิดเพลินกับการเก็บผลไม้กัน