Visit

ฮิตาจิ ซีไซด์ ปาร์ค

ฮิตาจิ ซีไซด์ ปาร์คเป็นสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ มีพื้นที่ประมาณ 190 เฮกตาร์ ภายในสวนมีทุ่งดอกไม้ตามฤดูกาลหลากหลายสายพันธุ์ที่ออกดอกหมุนเวียนให้ชมตลอดปี ในฤดูใบไม้ผลิจะได้ชมทุ่งดอกนาร์ซิสซัส และดอกทิวลิป เมื่อถึงช่วงต้นฤดูร้อนจะมีทุ่งดอกเนโมฟีลา (เบบีบลูอายส์) และดอกกุหลาบ ส่วนดอกบานชื่นจะบานในช่วงกลางฤดูร้อน เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงก็จะได้ชมทุ่งดอกโคเชียและทุ่งดอกคอสมอส
นอกจากนี้ยังมีเส้นทางปั่นจักรยานที่นักท่องเที่ยวสามารถปั่นชมภายในสวน รวมถึงโซนอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น สวนสนุก สนาม BMX วิบาก สนามกีฬา และสถานที่ทำบาร์บีคิว

ศาลเจ้าคาชิมะ

ศาลเจ้าคาชิมะสร้างขึ้นในช่วง 660 ปีก่อนคริสตกาล เป็น 1 ใน 3 ศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคคันโต มีเทพเจ้าประจำศาลเจ้าคือ ทาเคมิคะซุชิโนะโอคามิ เทพแห่งการต่อสู้ของนิกายชินโต และได้รับการเคารพสักการะจากราชวงศ์ตั้งแต่อดีต รวมถึงผู้ปกครองบ้านเมืองและซามุไรส่วนใหญ่ในสมัยคามาคุระก็เลื่อมใสในเทพองค์นี้เช่นกัน
“โรมอน” คือประตูประจำศาลเจ้าที่ได้รับการยกย่องให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญ โทคุกาวะ โยฟุซะ เจ้าครองแคว้นลำดับแรกในตระกูลมิโตะได้สร้างถวายให้กับศาลเจ้าในปี 1634
ที่นี่มีการจัดงานและเทศกาลต่างๆ มากกว่า 80 งานตลอดทั้งปี ทุกปีในช่วงปีใหม่จะมีนักท่องเที่ยวราว 6 แสนคนไปนมัสการขอพรให้มีทักษะด้านกีฬาด้านศิลปะการต่อสู้ที่ดีขึ้น ชนะการแข่งขัน คลอดลูกอย่างปลอดภัย ประสบความสำเร็จในสิ่งที่หวัง และธุรกิจเจริญรุ่งเรือง

คาชิมะ-นาดะ ซีไซด์ ปาร์ค (Kashima-Nada Seaside Park)

สวนสาธารณะขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกในโฮโคตะ เมืองชายฝั่ง
ภายในแบ่งเป็น 2 พื้นที่ คือ พื้นที่ชายทะเลเดินชมทิวทัศน์ของมหาสมุทรแปซิฟิก และพื้นที่ราบสูงเดินเล่นเพลิดเพลินในสวนสน ทางเดินไม้ยาวประมาณ 1,000 เมตร และจุดชมวิว รวมทั้งร้านจำหน่ายของที่ระลึกและร้านอาหาร
นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ชมแสงแรกของปีสุดฮิตด้วย

ศาลเจ้าโทคิวะ (Tokiwa Shrine)

ศาลเจ้าโทคิวะอยู่ติดกับสวนไคราคุเอน (Kairakuen Garden) เป็นศาลเจ้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองมิโตะ สร้างเพื่อเป็นที่ระลึกให้แก่ โทคุกาวะ มิตสึคุนิ และโทคุกาวะ นาริอากิ โชกุนอันดับที่ 2 และ 9 ของตระกูลโทคุกาวะ (ปี 1603 - 1868)
อาคารกิเรตสึคัง (Giretsukan) มีภาพเขียนการประดิษฐ์ตัวอักษร และงานศิลปะของโชกุนทั้งสองท่านจัดแสดง

ศาลเจ้าอิซุโมะไทฉะฮิตาจิ (Izumo Taisha Hitachi Shrine)

ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นในปี 1992 เป็นสาขาของศาลเจ้าอิซุโมะไทฉะ (Izumo Taisha) ที่สักการะเทพเจ้าไดโคคุ (Daikoku-sama) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในจังหวัดชิมาเนะ ศาลเจ้าแห่งนี้มีเทพเจ้าที่ให้พรเรื่องความรัก การค้าเจริญรุ่งเรือง ปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายและการเจ็บป่วย
ศาลเจ้าหลักทำจากไม้ฮิโนกิ (ไม้สนญี่ปุ่น) และมีชิเมนาวะขนาดใหญ่ (เชือกศักดิ์สิทธิ์) หนัก 6 ตันอยู่ด้านหน้า ภายในมีผลงานของ Kodo Okuda และภาพวาดบนเพดาน "Hitachi no Kumo"
บริเวณศาลเจ้ามีสตูดิโอเป่าแก้วที่สามารถสัมผัสประสบการณ์งานเป่าแก้ว รับประทานอาหารที่ Izumokan และเยี่ยมชมแกลลอรี่ร่วมสมัย Gallery Orin ที่จัดนิทรรศการจำหน่ายสินค้า 4 ครั้งต่อปี

เนินฮิตาจิฟุโดคิ (Hitachi Fudoki no Oka)

เนินฮิตาจิฟุโดคิเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจเชิงประวัติศาสตร์ ที่ได้เรียนรู้ตำนาน ผ่านการสัมผัสประสบการณ์และการเล่นกีฬา
มีหัวสิงโตขนาดใหญ่ที่ดูโดดเด่น และยังเป็นสถานที่ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องดอกซากุระที่สวยงาม มีดอกซากุระนานาพันธุ์ เช่น ซากุระโซเมอิโยชิโนะ และยาเอซากุระ (ดอกซ้อน) แต่ที่น่าประทับใจที่สุดคือ ซากุระพันธุ์ชิดาเระที่ย้อยลงมาเป็นอุโมงค์

แม่น้ำริวจินและบึงคาเมกาฟุจิ (Ryujin River & Kamegafuchi Pool)

แม่น้ำริวจิน (Ryujin River) และบริเวณบึงคาเมกาฟุจิ (Kamega-fuchi Pool) เป็นแหล่งกำเนิดของตำนานท้องถิ่นมากมาย ในภาษาญี่ปุ่น Ryujin หมายถึง มังกร ผู้คนเชือกันว่า มีมังกรอาศัยอยู่ใต้บึงคาเมกาฟุจิที่ดูลึกลับแห่งนี้
แม่น้ำริวจินและบริเวณบึงคาเมกาฟุจิอยู่ห่างจากเขื่อนริวจิน (Ryujin Dam) ไปประมาณ 1 ชั่วโมง ในบริเวณใกล้เคียงมีเส้นทางเดินป่า สถานที่ตั้งแคมป์ และบ่อน้ำพุร้อน Tacchan no Yu เหมาะสำหรับการพักผ่อนหลังเดินป่า

หาดคุจิฮามะ (Kujihama Beach)

หาดคุจิฮามะเป็นหาดทรายสีขาวสวยงาม มองเห็นประภาคารสีขาวชื่อดังของที่นี่ ริมหาดมีน้ำทะเลตื้น เด็กเล็กๆ สามารถเล่นน้ำกับครอบครัวได้อย่างสนุกสนาน นอกจากนี้ยังมีตลาดปลาอยู่ไม่ไกลให้ซื้อหาของทะเลสดๆ มารับประทานกัน

อุชิคุไดบุทสึ

อุชิคุไดบุทสึหรือพระใหญ่อุชิคุได้รับการบันทึกสถิติโลกจากกินเนสส์ว่าเป็น “Tallest Buddha” พระพุทธรูปปางประทับยืนทองสัมฤทธิ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก (สูง 120 เมตร)
ภายในพระพุทธรูปแบ่งเป็น 5 ชั้น แต่ละชั้นเต็มไปด้วยบรรยากาศอันน่าอัศจรรย์ มีความเงียบสงบและความผ่อนคลาย เมื่อขึ้นลิฟต์ไปยังจุดชมวิวบริเวณพระอุระที่ความสูงถึง 85 เมตร จะได้ชมทิวทัศน์ที่กว้างไกลผ่านกระจกทั้ง 4 ด้าน
ใต้พระบาทของพระพุทธรูปจะมีสวนขนาดใหญ่ที่มีดินแดนสุขาวดีเป็นต้นแบบ มีดอกไม้สีสันสดใสเบ่งบานตามฤดูกาล ภายในสวนยังมีสวนสัตว์ขนาดเล็กที่สามารถสัมผัสกับสัตว์ตัวเล็ก รวมถึงการชมโชว์ของลิงได้อีกด้วย

สวนโคกะกับเทศกาลดอกท้อ (Koga Park)

สวนโคกะเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่มีพื้นที่กว่า 250,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโคกะ ในช่วงเทศกาลดอกท้อของโคกะซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม – ต้นเดือนเมษายน จะมีดอกท้อหลากสีทั้งสีชมพูและสีขาวบานสะพรั่งเต็มต้นถึง 2,000 ต้น มีการจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น บอลลูน รถลากด้วยคน (เสาร์ - อาทิตย์) การเล่นดนตรี และการแสดงโชว์

รกคาคุโดหรือศาลาหกเหลี่ยม (Rokkakudo)

รกคาคุโดสร้างขึ้นในสมัยเมจิโดยเทนชิน โอคาคุระ ผู้บุกเบิกศิลปะสมัยใหม่ของญี่ปุ่น รกคาคุโดเป็นศาลาหกเหลี่ยมสีแดงเข้มตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเล เทนชินใช้เวลาที่รกคาคุโดเพื่ออ่านหนังสือและคิดไตร่ตรอง ด้านหลังของอิซึระรกคาคุโดจะมีป่าสนเขียวขจี ส่วนด้านหน้ามีคลื่นทะเลจากมหาสมุทรแปซิฟิก ทิวทัศน์อันงดงามนี้ทำให้ผู้ที่มาเยี่ยมชมประทับใจมาก บริเวณใกล้เคียงมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะเทนชินที่แสดงผลงานที่มีชื่อเสียงของเทนชินและไทคัน โยโกยามะ
จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทางตะวันออกของญี่ปุ่น (3.11.2011) รกคาคุโดะได้ถูกคลื่นสึนามิพัดหายไป แต่ได้รับการสร้างขึ้นใหม่และเปิดให้เข้าชมในวันที่ 28 เม.ย. 2012

ศาลเจ้าโออิวะ (Oiwa shrine)

แม้ไม่สามารถระบุปีที่สร้างศาลเจ้าโออิวะได้แน่นอน แต่มีการค้นพบจากซากปรักหักพังในพิธีกรรมทางศาสนาที่อยู่ในช่วงท้ายของยุคโจมง (ประมาณ 4,500 - 3,300 ปีก่อน)
ใน “Hitachi Kokudo-ki” หนึ่งในวรรณกรรมที่เก่าที่สุดของญี่ปุ่น (721 ปี) ยังมีเนื้อหาที่กล่าวถึงศาลเจ้าแห่งนี้ด้วย จะเห็นได้ว่า เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิที่สักการะเทพเจ้าบนภูเขาโออิวะมาแต่โบราณ
ภายในศาลเจ้าโออิวะ มีซากปรักหังพังที่บอกเล่าถึงประวัติศาสตร์ และมีต้นสนศักดิ์สิทธิ์ 3 ต้นซึ่งเป็นสถานที่สถิตของเทพเจ้า รวมทั้งธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ เช่น ดอกไม้ต่างๆ ตามฤดูกาล