Visit

ซาซาเมะโซเบโชเท็น (Sasame Souei Shouten Co., Ltd.)

Sasame Sobei Shoten เป็นโรงผลิตสาเกในเมืองคาซามะ (Kasama) เปิดกิจการเมื่อปี 1873 ตั้งอยู่บริเวณทางเข้าศาลเจ้าคาซามะอินาริ (Kasama Inari Shrine) โรงงานผลิตโอมิกิ (สาเกที่ใช้ถวายแก่เทพเจ้า) ให้แก่ศาลเจ้า โดยเฉพาะฟุตาบะยามะมัตสึมิโดริ (Futabayama Matsumidori) แบรนด์สาเกชื่อดังซึ่งใช้ถวายเป็นโอมิกิในพิธีทางศาสนาต่างๆ มาช้านาน

Sasame Sobei Shoten ผลิตนิฮงชุ (สาเกญี่ปุ่น) จากข้าวสาเกที่คัดสรรอย่างพิถีพิถัน โดยใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำบริสุทธิ์และสภาพภูมิอากาศที่แตกต่างกันในแต่ละฤดูกาล ผลิตสาเกด้วยกรรมวิธีแบบดั้งเดิม ทำให้ได้สาเกกลิ่นหอม รสชาติละมุนละไม ที่ต้องแวะมาลิ้มลองกัน

ที่นี่ยังมีกิจกรรมสัมผัสประสบการณ์คาคุอุจิ (มุมให้ชิมสาเกก่อนตัดสินใจซื้อ โคยที่มาของคำนี้มีหลายทฤษฎี หนึ่งในนั้นใช้หมายถึง การเทสาเกลงใน “มาซุ” ซึ่งเป็นจอกสาเกทำจากไม้ทรงสี่เหลี่ยม เวลาดื่มจะดื่มจากตรงมุม ต่อมามีการใช้คำนี้ในการบ่งชี้ถึงวัฒนธรรมเฉพาะตัวของญี่ปุ่นในการซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ร้านจำหน่ายสุราแล้วเปิดและดื่มทันที) สามารถสัมผัสประวัติศาสตร์ของโรงผลิตสาเกที่ดำเนินกิจการมานานกว…

Bar Bus Hitachino (บาร์บัสฮิตาจิโนะ)

Bar Bus Hitachino ดำเนินการโดยโรงผลิตสาเกคิอุจิ (Kiuchi Brewery) ซึ่งมีประวัติยาวนานกว่า 200 ปี เป็นรถบัสเช่าเหมาระดับพรีเมียมสำหรับการท่องเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับ ภายในรถบัสมีเคาน์เตอร์บาร์ที่ให้เพลิดเพลินกับเครื่องดื่มแบบไม่อั้น ทั้งฮิตาจิโนะเนสท์เบียร์ ฮิโนะมารุวิสกี้ คิคุซาคาริ (สาเกญี่ปุ่น) รวมถึงเครื่องดื่มชนิดอื่นๆ พร้อมดื่มด่ำกับทัศนียภาพชนบทอันงดงามนอกหน้าต่างระหว่างการเดินทาง
สามารถร่วมกิจกรรมทัวร์พร้อมไกด์ (ภาษาญี่ปุ่น) ซึ่งจะพาชมโรงผลิตสาเกต่างๆ เช่น โรงกลั่นยาซาโตะ (Yasato Distillery) และโรงผลิตนูกาตะ (Nukada Brewery) พร้อมทดลองชิมเครื่องดื่มจากแหล่งผลิต
นอกจากนี้ยังมีบริการจัดทัวร์ตามความต้องการ ทั้งแบบกลุ่มและแบบส่วนตัว กรุณาติดต่อสอบถามล่วงหน้าเพื่อทำการจอง

โรงกลั่นยาซาโตะ (Yasato Distillery)

โรงกลั่นยาซาโตะบริหารงานโดยโรงผลิตสาเกคิอุจิ (Kiuchi Brewery) ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 200 ปี ผลิตฮิโนะมารุวิสกี้ท่ามกลางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยน้ำบริสุทธิ์จากเขาทสึคุบะ (Mt. Tsukuba) อาคารของโรงกลั่นแห่งนี้เป็นศูนย์ชุมชนเก่าที่ได้รับการปรับปรุงใหม่โดยใช้ไม้ที่ผลิตในท้องถิ่น

มีร้านค้าที่นอกจากจะสามารถซื้อวิสกี้หลากหลายชนิด อย่างวิสกี้รุ่นลิมิเต็ด รวมถึงนามะแฮมหรือพาร์มาแฮม (Parma Ham) และไส้กรอกที่โรงงานผลิตเอง ยังสามารถเพลิดเพลินกับการรับประทานอาหารและการทดลองชิมวิสกี้ได้ด้วย มีทัวร์พร้อมไกด์ (ภาษาญี่ปุ่น) ที่ต้องจองล่วงหน้า 2 แบบ โดยหลังชมกระบวนการผลิตแล้ว จะมีการทดลองดื่มวิสกี้หรือทำกิจกรรมผสมวิสกี้สูตรเฉพาะของตัวเอง

ที่นี่คือสถานที่สุดพิเศษที่จะได้สัมผัสวัฒนธรรมวิสกี้ญี่ปุ่น พร้อมชื่นชมทิวทัศน์ของเขาทสึคุบะไปด้วย

Buryu Winery (โรงบ่มไวน์อู่บุริว)

Buryu Winery ตั้งอยู่ในเมืองฮิตาจิโอตะ (Hitachiota) เมืองซึ่งมีไร่องุ่นมากถึงราว 50 แห่ง โรงบ่มไวน์แห่งนี้ใช้องุ่นที่ปลูกในท้องถิ่นเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตไวน์อย่างพิถีพิถัน เพื่อดึงเอารสชาติตามธรรมชาติของวัตถุดิบออกมาอย่างเต็มที่

นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับไวน์หลากหลายชนิดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งสะท้อนกลิ่นอายของชนบทและความรักของผู้คนในท้องถิ่น เช่น ไวน์ชุด Ibaraki Wine ผลิตภัณฑ์อันขึ้นชื่อของที่นี่ และ Ashita no Wine ที่รังสรรค์ขึ้นร่วมกับชุมชนท้องถิ่น

ในทัวร์โรงบ่มไวน์นี้ จะได้ชมทัวร์โรงงานผลิต และร่วมกิจกรรมทดลองชิมไวน์ (ให้บริการเป็นภาษาญี่ปุ่น)

* ทัวร์ให้บริการเฉพาะผู้ที่จองล่วงหน้าเท่านั้น โดยสามารถลงทะเบียนผ่านแบบฟอร์มใน Instagram

GRANBERRY DAICHI (แกรนเบอร์รี่ไดจิ)

GRANBERRY DAICHI เป็นฟาร์มสตรอว์เบอร์รีลอยฟ้าที่ไม่ค่อยได้เห็นมากนักในญี่ปุ่น สตรอว์เบอร์รีราว 190,000 ต้นปลูกอยู่บนชั้นวางแบบแขวน ช่วยให้ยืนเก็บสตรอว์เบอร์รีได้สะดวกสบาย ทางเดินกว้างขวางและมีแผ่นพลาสติกปูไว้ทั้งหมด ช่วยให้รถเข็นเด็กและรถเข็นวีลแชร์สัญจรผ่านได้สบายๆ
ฤดูกาลเก็บสตรอว์เบอร์รีอยู่ในช่วงกลางเดือนธันวาคมถึงปลายเดือนพฤษภาคม สามารถแวะชิมรสชาติสตรอว์เบอร์รีหลากหลายสายพันธุ์ตามฤดูกาล เช่น "ยาโยอิฮิเมะ" และ "อามาโอโตเมะ" ได้ไม่อั้นในเวลา 40 นาที

ร้านค้าและคาเฟ่อยู่ในอาคารติดกัน มีเค้กและพาร์เฟต์สุดฮิตที่ให้สตรอว์เบอร์รีสุกแบบจัดเต็ม มีร้านอาหารที่ให้บริการนากาชิโซเม็งและเท็มปุระด้วย ที่นี่เดินทางจากโตเกียวมาได้สะดวกโดยรถไฟ ในโซนใกล้เคียงยังมีมิจิโนะเอกิโจโซหรือจุดแวะพักรถโจโซ (Roadside Station Joso) สามารถแวะช้อปของขึ้นชื่อในท้องถิ่นระหว่างเที่ยวได้

Fukuda Green Farm (ฟุกุดะกรีนฟาร์ม)

Fukuda Green Farm เป็นฟาร์มที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้สนุกกับกิจกรรมเก็บผลไม้ตามฤดูกาล ซึ่งชนิดของผลไม้จะเปลี่ยนไปตามช่วงเวลาในแต่ละปี ตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคมถึงปลายเดือนพฤศจิกายน นักท่องเที่ยวสามารถเก็บและรับประทานผลไม้ประจำฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่นได้ไม่อั้น เช่น ลูกแพร์ องุ่น ลูกพลับ และเกาลัด

ฟาร์มแห่งนี้ให้ความสำคัญกับการลดการใช้สารเคมีในการเพาะปลูก ทำให้สามารถเพลิดเพลินกับผลไม้สดฉ่ำได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย ผลไม้ที่เก็บเองสามารถนำกลับบ้านได้ โดยคิดราคาตามน้ำหนัก นอกจากนี้ยังมีร้านค้าภายในฟาร์มจำหน่ายเกาลัดคั่วและผลไม้ตามฤดูกาลอีกด้วย

พื้นที่ภายในฟาร์มได้รับการออกแบบให้ปราศจากสิ่งกีดขวาง (Barrier-free) เพื่อให้ผู้สูงอายุและผู้พิการทางร่างกายสามารถใช้บริการได้อย่างสะดวกสบาย การเดินทางก็สะดวก ใช้เวลาขับรถจากโตเกียวเพียงประมาณ 50 นาทีเท่านั้น

Fujita Apple Orchard (ฟาร์มแอปเปิลฟูจิตะ)

Fujita Apple Orchard เป็นสวนผลไม้ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาของไดโกะมาจิ (Daigomachi) สามารถทำกิจกรรมเก็บแอปเปิลได้ในช่วงต้นเดือนกันยายนถึงต้นเดือนธันวาคม ที่นี่ปลูกแอปเปิลมากกว่า 50 สายพันธุ์ ได้แก่ ทสึการุ เซไกอิจิ มุทสึ และฟูจิ นักท่องเที่ยวสามารถเก็บแอปเปิลได้ 9 สายพันธุ์ และซื้อกลับได้โดยจำหน่ายตามน้ำหนัก มีกิจกรรมกินแอปเปิลได้ไม่อั้นด้วย ซึ่งสามารถเพลิดเพลินกับรสชาติที่ต่างกันของแต่ละสายพันธุ์เปรียบเทียบกันได้

ร้านค้าของฟาร์มที่อยู่ในอาคารติดกัน มีขนมหวานสุดฮิตซึ่งดึงรสชาติของวัตถุดิบออกมาได้อย่างเต็มที่ เช่น พายแอปเปิลโฮมเมด และบามคูเฮนที่ทำจากแอปเปิลทั้งลูก ที่นี่ยังมีคาเฟ่และบาร์บีคิวเนื้อวัวฮิตาจิ (ต้องจองล่วงหน้า) ให้ดื่มด่ำกับรสชาติของฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่นและเพลิดเพลินกับทัศนียภาพชนบทที่ราวกับหลุดออกมาจากหนังสือภาพ

Forest Park Melon no Mori

จังหวัดอิบารากิปลูกเมลอนได้มากที่สุดในญี่ปุ่น Forest Park Melon no Mori เป็นฟาร์มเมลอนในเมืองโฮโคตะ (Hokota) ที่สามารถสนุกกับการเก็บและชิมเมลอนสุกได้ตั้งแต่ปลายฤดูใบไม้ผลิ ถึงต้นฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วง จุดเด่นของที่นี่คือมีเมล่อนหลากหลายสายพันธุ์ เช่น "ซายากะ" และ "ยูกะ" ซึ่งเป็นสายพันธุ์ออริจินัลของที่นี่ กิจกรรมเก็บเมลอนไม่จำเป็นต้องจองล่วงหน้า สามารถทำกิจกรรมได้แม้ในวันที่ฝนตก ที่นี่จึงเป็นฟาร์มท่องเที่ยวที่สะดวกสบายมากๆ

ในฟาร์มยังมีสถานที่ปิ้งย่างบาร์บีคิวที่สามารถลิ้มลองฮิตาจิวากิว (เนื้อวัวแบรนด์ดังของอิบารากิ) และอื่นๆ แค่มามือเปล่าก็อิ่มอร่อยกันได้ง่ายๆ สบายๆ ที่นี่ยังมีร้านค้าและพื้นที่พักผ่อนด้วย นอกจากเมลอน น้ำผลไม้สดและของหวานจากเมลอนโปะด้วยไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟของที่นี่ก็ได้รับความนิยมมากเช่นกัน

* บาร์บีคิวต้องจองล่วงหน้า

VAN SICKEL FARM TSUKUBA (ทอมส์บลูเบอร์รี่)

VAN SICKEL FARM TSUKUBA (แวนซิกเคลฟาร์มทสึคุบะ) เป็นฟาร์มที่ตั้งอยู่ในเมืองทสึคุบะ ซึ่งเป็น 1 ใน 3 แหล่งผลิตบลูเบอร์รี่สำคัญของญี่ปุ่น ฟาร์มแห่งนี้มุ่งมั่นปลูกบลูเบอร์รี่ ที่ใช้แร่ธาตุในดินอย่างเต็มที่ โดยไม่ใช้ยาฆ่าแมลงหรือสารกำจัดวัชพืช

นอกจากต้นบลูเบอร์รี่ราว 1,000 ต้น 50 สายพันธุ์แล้ว ที่นี่ยังปลูกแบล็กเบอร์รี่และราสเบอร์รี่ด้วย สามารถสนุกกับกิจกรรมเก็บบลูเบอร์รี่ตามฤดูกาลได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนสิงหาคม และยังมีแพ็กเกจ "กินไม่อั้น" ที่สามารถลิ้มรสบลูเบอร์รี่ได้ไม่จำกัดภายในเวลาที่กำหนด นอกจากนี้ ที่ฟาร์มยังมีผลิตภัณฑ์แปรรูปต่างๆ เช่น ไอศกรีมต่างๆ และแยมที่ทำจากเบอร์รี่จำนวนมาก ซึ่งได้รับความนิยมมากด้วยเช่นกัน

เจ้าของฟาร์มเกิดในอเมริกาจึงสื่อสารภาษาอังกฤษได้ อีกหนึ่งจุดเด่นคือทำเลที่ตั้งที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ สามารถมองเห็นเขาทสึคุบะได้

* กิจกรรมเก็บบลูเบอร์รี่ ในวันธรรมดาไม่จำเป็นต้องจองล่วงหน้า แต่ในวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ต้องจองล่วงหน้า

ยามาอิจิ มิโซะ (Yamaichi Miso)

Yamaichi Miso เป็นบริษัทเก่าแก่ที่เริ่มต้นจากการเป็นผู้ผลิตสินค้าประเภทเส้นในปี 1962 และได้ขยายกิจการไปสู่การผลิตมิโซะด้วยโคจิ ปัจจุบันบริษัทยังคงมุ่งมั่นผลิตมิโซะแบบโฮมเมด โดยผลิตและจำหน่ายมิโซะราว 15 ชนิด ซึ่งล้วนปราศจากแอลกอฮอล์ ไม่แต่งสี และไม่ใส่สารกันบูดใดๆ

ที่นี่มีร้านจำหน่ายสินค้าโดยตรง ซึ่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ทั้งมิโซะ โคจิ รวมทั้่งขนมหวานที่ทำจากมิโซะ อย่างไอศกรีมซอฟต์เซิร์ฟ คุกกี้ และเค้กชิฟฟอน

ทุกปีในช่วงเดือนตุลาคมจนถึงเดือนมิถุนายนของปีต่อไป ยังสามารถร่วมกิจกรรมสัมผัสประสบการณ์การทำมิโซะได้ด้วย (ภาษาญี่ปุ่น)

* โคจิ: เป็นวัตถุดิบในการหมักที่ได้จากการเพาะเชื้อราโคจิ (Aspergillus oryzae) บนข้าว ข้าวบาร์เลย์ หรือถั่วเหลือง ซึ่งเป็นส่วนผสมในมิโซะ (เต้าเจี้ยวญี่ปุ่น) โชยุ (ซอสถั่วเหลืองญี่ปุ่น) สาเก (เหล้าญี่ปุ่น) และอื่นๆ

Hitachi-no-Kuni Long Trail

เส้นทางเดินป่า Hitachi-no-Kuni Long Trail เป็นเส้นทางเดินป่าปีนเขาระยะทางรวมราว 320 กิโลเมตร ครอบคลุมเมืองและพื้นที่ทางตอนเหนือของจังหวัดอิบารากิ 6 แห่ง (ปัจจุบัน ณ ปี 2025 เปิดให้บริการแล้วราว 275 กิโลเมตร) เส้นทางนี้ครอบคลุมพื้นที่ภูเขาเตี้ยที่สูงจากระดับน้ำทะเลราว 500 เมตร เหมาะกับนักเดินป่าปีนเขาทั้งมือใหม่และมือโปร

เสน่ห์อีกอย่างของที่นี่คือสามารถสัมผัสทั้งธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และผู้คนในท้องถิ่น ในขณะสำรวจป่า ชายหาด ศาลเจ้า สถานที่ทางประวัติศาสตร์ โชเท็นไก (ย่านการค้า) และอื่นๆ

สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ขอแนะนำทัวร์วันเดย์ทริปและแพ็คเกจทัวร์ 2 วัน 1 คืน ที่รวมการเดินทางและที่พักในท้องถิ่น พร้อมบริการไกด์ภาษาอังกฤษเพื่อนำทางในการเดินป่าปีนเขา และการพบปะพูดคุยกับผู้คนท้องถิ่น

นอกจากนี้ ยังมีบริการจัดทัวร์ตามความต้องการของบริษัททัวร์ในต่างประเทศด้วย

Storm Field Guide Ryujin Outdoor Field

Storm Field Guide Ryujin Outdoor Field อยู่ทางเหนือของจังหวัดอิบารากิ มีกิจกรรมทางน้ำมากมายให้เพลิดเพลินบนทะเลสาบเขื่อนริวจินหรือทะเลสาบริวจินได้

สามารถสัมผัสประสบการณ์การพายเรือแคนู การเล่น SUP (ย่อมาจาก Stand Up Paddle คือการยืนพายบนเซิร์ฟบอร์ด) และล่องเรือยาง พร้อมกับแหงนหน้าชมสะพานแขวนริวจิน (Ryujin Big Suspension Bridge) ซึ่งเป็นหนึ่งในสะพานคนเดินที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น และจุดเล่นบันจี้จัมพ์ที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ขณะทำกิจกรรมต่างๆ จากบนทะเลสาบ

เสน่ห์อีกอย่างของที่นี่คือ การเดินเล่นบนน้ำ พร้อมชมหุบเขาลึกลับ โขดหินรูปร่างแปลกตา และน้ำตกลับที่ซ่อนตัวอยู่ ซึ่งต้องเดินลุยน้ำเข้าไปเท่านั้น โดยจะมีไกด์นำทางไปด้วย ดังนั้นผู้ที่ร่วมกิจกรรมเป็นครั้งแรกก็สามารถสนุกเพลิดเพลินได้อย่างสบายใจ (มีบริการเป็นภาษาอังกฤษ, ให้บริการในระบบจองล่วงหน้า)

มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ พรั่งพร้อม เช่น ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและห้องอาบน้ำอุ่น ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ทำกิจกรรมกลางแจ้งยอดนิยมที่เข้าร่วมได้สบายๆ

* กิจกรรมให้บริการในระบบจองล่วงหน้า