Visit

ซากปราสาทมิโตะ (Mito Castle Ruins)

ปราสาทมิโตะคือหนึ่งในปราสาทดินที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น สร้างขึ้นระหว่างปลายศตวรรษที่ 12 ถึงต้นศตวรรษที่ 13
หลังจากเปลี่ยนผู้ปกครองดินแดนนี้หลายครั้ง ในปี 1609 เมื่อโยริฟุซะ โทคุกาวะถูกส่งตัวมาอยู่ที่มิโตะ ปราสาทแห่งนี้จึงกลายเป็นที่พำนักของตระกูลมิโตะ โทคุกาวะ
หลังเอโดะบาคุฟุ (รัฐบาลในสมัยเอโดะ) ล่มสลายในปี 1868 ปราสาทมิโตะถูกทิ้งร้าง อาคารหลายแห่งเสียหาย ถูกทุบทำลายจากสงคราม
ปัจจุบัน คันกำแพงดิน คูน้ำ โคโดคัง (โรงเรียนไดเมียวของแคว้น) และประตูยาคุอิมง (ประตูของป้อมกลางปราสาท) ยังคงอยู่ ส่วนประตูโอเทมงและป้อมซึมิยาคุระ (ป้อมสังเกตการณ์ตรงมุมปราสาท) ของนิโนะมารุ (ปราสาทที่อยู่รอบนอกฮงมารุ) ได้รับการบูรณะตามเอกสารทางประวัติศาสตร์

หอศิลป์มิโตะ (Art Tower Mito)

หอศิลป์มิโตะ ประกอบด้วย ห้องแสดงคอนเสิร์ต โรงละคร และแกลเลอรีร่วมสมัย มีหอรูปทรงเกลียว (สูง 100 เมตร) เป็นสัญลักษณ์ที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์รอบเมืองมิโตะได้

ซูซูกิโมเฮโชเท็น

ซูซูกิโมเฮโชเท็น หนึ่งในผู้ผลิตโคมไฟซุยฟุที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1865
โคมไฟซุยฟุ (ซุยฟุเป็นชื่อเดิมของเมืองมิโตะ) เป็นงานฝีมือพื้นบ้านดั้งเดิมของเมืองมิโตะ มีต้นกำเนิดจากเมื่อประมาณ 400 ปีก่อน เมื่อซามูไรระดับล่างเริ่มทำโคมไฟแบบพับเพื่อเลี้ยงชีพ โดยใช้กระดาษวาชิแบบนิชิโนอุจิซึ่งเป็นกระดาษคุณภาพสูงและทนทานผลิตทางตอนเหนือของจังหวัด
ซูซูกิโมเฮโชเท็น ไม่เพียงแต่ผลิตโคมไฟสำหรับงานประเพณีเท่านั้น แต่ยังผลิตโคมไฟสไตล์ทันสมัยที่ใช้สำหรับงานตกแต่งภายใน ไม่ว่าจะเป็นโคมไฟรูปร่างแปลกใหม่ เช่น นกหรือดวงดาว รวมถึงโคมไฟที่มีฟังก์ชันเปิดไฟโดยการใช้เซนเซอร์เสียง
นอกจากการจัดจำหน่ายแล้ว ซูซูกิโมเฮโชเท็นยังมีบริการให้ผู้สนใจได้ลองประสบการณ์ทำโคมไฟซุยฟุด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นกิจกรรมที่หาได้ยากจากร้านอื่นๆ ท่านที่สนใจ กรุณาจองล่วงหน้า